โกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone)
ฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญในการหมุนเข็มนาฬิกาชีวิตกลับมา มีชื่อว่าโกรท ฮอร์โมนซึ่งเป็น “Master Hormone” หรือฮอร์โมนหลักของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกันทุกระบบ และทุกการทำงานของร่างกาย มีหน้าที่ในการสร้างเนื้อเยื่อ และควบคุมการทำงานของเนื้อเยื่อ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตในวัยที่ยังโตไม่เต็มที่ และสร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย นอกจากนี้ ยังเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการเผาผลาญไขมันและเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน
ระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายของมนุษย์ จะถึงจุดสูงสุดเมื่อมนุษย์ย่างเข้าสู่วัยรุ่น หลังจากคนมีอายุได้ 20 ปี การผลิตโกรท ฮอร์โมนจะลดลงด้วยอัตรา 14% ทุก 10 ปี เมื่อคนเรามีอายุ 60 ปี ระดับของโกรท ฮอร์โมนในร่างกายจะมีประมาณ 25% ระดับที่เคยผลิตได้สูงสุด อาการของโกรท ฮอร์โมน ที่ลดลง สังเกตได้ตั้งแต่ กล้ามเนื้อน้อยลง ไขมันเพิ่มขึ้น ลงพุง กระดูกผุ กระดูกพรุน ไต กับปอด ทำงานไม่ดี ผิวเหี่ยวชราลง ผมหงอก ร่างกายเสื่อมสภาพลง เข้าสู่สภาวะของความแก่ชรา
อวัยวะที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการลดลงของระดับโกรท ฮอร์โมน คือ หัวใจ ที่สำคัญที่สุดในร่างกาย เมื่อระดับโกรท ฮอร์โมนต่ำลง คนจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น โคเลสเตอรอล และ ไตรกรีเซอร์ไรด์สูงขึ้น การที่ทำให้ระดับโกรท ฮอร์โมน ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น จะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
รายงานทางการแพทย์พบว่า ในคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือ คนอ้วน จะมีระดับโกรท ฮอร์โมนโดยธรรมชาติลดลง เช่นเดียวกับ ในยามที่อายุมากขึ้น และเมื่อเราสามารถลดน้ำหนักลงได้ ระดับโกรท ฮอร์โมน โดยธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น ทำให้คนที่น้ำหนักลดลง ดูหนุ่มสาวขึ้น
ใน 10 ปีที่ผ่านมานี่เอง มีการนำกรดอะมิโนกลุ่มหนึ่ง เช่น กลูตามีน ออร์นิทีน ไกลซีน อาร์จินีน ไลซีน มาใช้ในการกระตุ้นการผลิต โกรท ฮอร์โมนจากธรรมชาติโดยไม่ต้องฉีด โดยที่ผู้ที่เข้ารับการทดลองจะได้รับกรดอะมิโนกลุ่มนี้ โดยการรับประทาน จากนั้นทำการเจาะเลือดวัดระดับ IGF- 1 พบว่ากรดอะมิโนในสูตรที่เหมาะสม สามารถกระตุ้นการผลิตโกรท ฮอร์โมนจากธรรมชาติ ได้ใกล้เคียงกับการฉีด ทั้งยังตัดปัญหาเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีด และ ยังมีราคาถูกกว่ามากมายด้วย ผลของโกรท ฮอร์โมน ไม่ว่าจะมาจากการฉีด หรือ การรับประทาน ยังทำให้ผิวหนังชั้นหนังแท้หนาขึ้น ริ้วรอยลดลง แลดูอ่อนเยาว์ ผม และเล็บ แข็งแรงขึ้น ผมดกดำเป็นเงาอีกด้วย
ส่วนประกอบสำคัญ
1. แอล กลูตามีน
เป็นกรดอะมิโนที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย ซึ่งปกติแล้วร่างกายสังเคราะห์ได้เอง ยกเว้นในบางสภาวะที่ร่างกายต้องการ แอล กลูตามีนมากกว่าปกติ หรือ สังเคราะห์ได้ไม่ดีนัก เช่น ในนักกีฬาที่ฝึกฝนอย่างหนัก หรือ ผู้ที่มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร บทบาทของ แอลกลูตามีน คือ เป็นสารกระตุ้นการสร้างโกรทฮอร์โมน จากต่อมใต้สมอง มากกว่า 60 % ของแอลกูลตามีน จะอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ ทำหน้าที่เสริมสร้างเซลล์กล้ามเนื้อและช่วยซ่อมแซมเซลล์กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บ หรือสึกหรอ ลดการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ และ ลดการเสื่อมสลายของกล้ามเนื้อ แอล กลูตามีน เป็นแหล่งพลังงานที่ดียิ่งของสมอง โดยที่ตัวมันเองเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารสื่อประสาท คือ กลูตาเมท (Glutamate) และ กาบ้า (GABA) เพื่อเป็นอาหารให้สมอง และช่วยกำจัดสารแอมโมเนีย ที่เกิดจากการทำงานหนักของสมอง จึงช่วยลดสภาวะตึงเครียดได้ในสมองมีกลูตามีนในปริมาณมาก ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามที่สมองขาดน้ำตาลซึ่งเป็นแหล่งพลังงานแรก การเพิ่มปริมาณกลูตามีนในร่างกายจึงช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น มีความจำดี ความคิดว่องไว และ เฉียบคมขึ้น ตื่นตัว และ ทำให้อารมณ์ดี ลดและป้องกันอาการสมองมึนงง แอล กลูตามีน ยังช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น โดยการช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่จะใช้พลังงานจากกลูตามีน และยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย แอล กลูตามีน ช่วยระงับความหิว ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการควบคุมน้ำหนัก และ การลดน้ำหนัก เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง กลูตามีนจะทำหน้าที่ยับยั้งการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ป้องกันระดับน้ำตาลลดต่ำมากเกินไป จะทำให้เราไม่รู้สึกหิว นอกจากระงับความหิวอันเนื่องจากน้ำตาลตกแล้ว ยังสามารถระงับความอยากเหล้าได้ด้วย ที่น่าสนใจสำหรับคนไข้โรคเบาหวาน คือ กลูตามีนช่วยให้ตับอ่อนทำงานดีขึ้นได้ด้วย
2. แอล ไลซีน
เป็นกรดอะมิโนจำเป็น คือ ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร แอล ไลซีน มีบทบาทในการกระตุ้นการสร้างโกรทฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง และจำเป็นในการสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การบริโภค แอล ไลซีนยังทำให้ผิวพรรณสวยงามเนื่องจาก แอล ไลซีนเป็นหนึ่งในสารตั้งต้นในการผลิตคอลลาเจนโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิว ผม เล็บ กระดูก และกระดูกอ่อน บทบาทของ แอล ไลซีนกับกระดูก นอกจากเป็นสารตั้งต้นในการผลิตคอลลาเจนแล้ว แอบ ไลซีน ยังทำหน้าที่เพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย และ ช่วยลดโอกาสเกิดโรคเริม และ งูสวัด
3. แอล ออร์นิทีน
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เอง มีบทบาทช่วยกระตุ้นการสร้างโกรท ฮอร์โมนของต่อมใต้สมอง แอล ออร์นิทีน ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการสลายไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อมีการบริโภคร่วมกับ แอล อาร์จีนีน และ แอล คาร์นิทีน นอกจากนี้ แอล ออร์นิทีน ยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นสารตั้งต้น เพื่อสังเคราะห์กรดอะมิโนตัวอื่นๆ ที่ให้พลังงานแก่เซลล์ในร่างกายแอล ออร์นิทีน ยังช่วยกำจัดสารพิษพวกแอมโมเนียออกจากตับ และ ช่วยให้ผู้ป่วยโรคตับแข็งมีอาการดีขึ้น รวมทั้งผู้ป่วยโรคตับชนิดต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยให้แผลหายเร็ว และ ร่างกายมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เร็วยิ่งขิ้น
4. แอล อาร์จินีน
เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เอง มีบทบาทในการกระตุ้นการสร้างโกรท ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง นอกจากนี้ ยังมีความสำคัญกับระบบหัวใจและหลอดเลือด โดย แอล อาร์จินีน เป็นสารหลักในการสร้างสารไนตริก ออกไซด์ (Nitric Oxide) ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยปรับสมดุลโคเลสเตอรอล ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว และเสริมสร้างภูมิต้านทาน เสริมสมรรถนะเพศชาย กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ปรับสมดุลความดันโลหิต และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย
5. แอล ไกลซีน
เป็นกรดอะมิโนที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดากรดอะมิโนทั้งหมด ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างโกรท ฮอร์โมน นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการสร้างกล้ามเนื้อ ลดการสลายกล้ามเนื้อ และเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสให้เป็นพลังงานป้องกันร่างกายจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จึงช่วยไม่ให้หิวในระหว่างมื้ออาหาร และ ช่วยป้องกันอาการอ่อนล้าหมดแรง ช่วยให้ระบบสมอง และ ประสาท ทำงานเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้ง ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร แอล ไกลซีน มีความสำคัญต่อความสวยงามของผิวหนังอย่างยิ่งเนื่องจากไกลซีน เป็นส่วนประกอบสำคัญของคอลลาเจนโปรตีน โดยที่โครงสร้างของคอลลาเจนประกอบด้วยไกลซีนถึงหนึ่งในสาม หากร่างกายเราปราศจากไกลซีน หรือ มีปริมาณไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หรือ บาดเจ็บได้ ผิวหนังของเราจะเหี่ยวย่น และ คล้อยยาน แลดูแก่ชรา
6. อินโนซิทอล
ช่วยในการบำรุงสมอง และเซลล์ประสาท เนื่องจากอินโนซิทอล เป็นสารต้นตอของฟอสฟาดิลอินโนซิทอล (Phosphatidylinositol) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ประสาท พบว่าระหว่างที่เรานอนหลับ อินโนซิทอล จะช่วยให้ร่างกายนำไขมันและโคเลสเตอรอลมาใช้ระหว่างที่นอนหลับ ทำให้หลับสบายขึ้น อินโนซิทอล ยังใช้ในการบำบัดอาการเจ็ดปวด และชา เนื่องจากเซลล์ประสาทที่ถูกทำลายในผู้เป็นเบาหวาน ช่วยบำรุงสุขภาพของกระดูก เนื้อเยื่อของตา และลำไส้
7. แอลไอไซลิวซีน
เป็นกรดอะมิโน ที่ได้รับจากพืชผักใบเขียว จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการเรียนรู้ (IQ) เป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับรูปร่างของเม็ดเลือดแดง ควบคุมน้ำตาลในเลือด เป็นสิ่งมีค่ามากสำหรับนักกีฬา เพราะช่วยเหลือในการรักษา และ ซ่อมแซมเนื้อเยื้อกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และ กระดูก พบได้น้อยในคนที่มีความผิดปกติทางจิต และ ความผิดปกติทางร่างกาย ไกลซีน คือ กรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการปล่อยออกซิเจนซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการสร้างเซลล์ เป็นกรดที่จำเป็นในการสร้างฮอร์โมนที่เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
8. เวย์โปรตีน Ieucine, Isoleucine, Valine
ทำหน้าที่ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะเป็นกลุ่มกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการหลั่ง โกรท ฮอร์โมน ที่ไปกระตุ้นการย่อยสลายและสังเคราะห์โปรตีนของร่างกาย จึงทำให้สามารถดูดซึมโปรตีนเพื่อนำไปสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9.วิตามิน บี 3
ทำหน้าที่ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดได้ จากการทดลองผลการลดระดับไขมันในเลือด จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดหลังการประทาน 5 - 7 สัปดาห์ ส่วนเกินที่รับประทานเข้าไป ร่างกายจะขับออกผ่านทางปัสสาวะ
10. วิตามิน บี 5
ทำหน้าที่ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างเซลล์ใหม่ บำรุงและสร้างแอนตี้บอดี้ซึ่งเป็นตัวสำคัญของภูมิชีวิต เมื่อร่างกายเปลี่ยนไขมันที่สะสมไว้ให้เป็นน้ำตาลและเปลี่ยนเป็นพลังงาน วิตามิน บี 5 จะเป็นตัวสำคัญในการเปลี่ยนไขมันเป็นน้ำตาล และมีส่วนช่วยทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น ร่างกายหายจากอาการช็อคหลังการผ่าตัดใหญ่ และยังมีส่วนช่วยให้อาการอ่อนเพลียดีขึ้น
11.วิตามิน บี 6
ทำหน้าที่มากมาย ดังปรากฏด้านล่าง
: ช่วยสร้างภูมิต้านทานและช่วยสร้างเซลล์โลหิตได้ดียิ่งขึ้น
: ช่วยร่างกายสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและแร่ธาตุแมกนีเซียม
: ช่วยบรรเทาโรคที่เกิดจากระบบประสาทและผิวหนัง
: ช่วยแก้ไขการเป็นตะคริว แขนขาชาและช่วยขับปัสสาวะ
: ช่วยบรรเทาอาการปากแห้งและคอแห้ง
: ช่วยเปลี่ยนกรดอะมิโนให้เป็นวิตามินบี 3
ฝากกดไลท์ กดแชร์ บล็อคด้วยครับ เผื่อบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านครับ 😊
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น