การรักษาโรคในสมัยปัจจุบัน เป็นการรักษาโรคที่ปลายเหตุหรือเฉพาะจุด นอกจากนี้ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเต็มไปด้วยสารเคมี ซึ่งมีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยที่รักษาโรคอยู่ จึงทำให้ผู้ป่วยรักษาตัวให้หายจึงใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น ทำให้เสียงบประมาณของแผ่นดินอันไม่ควรจะเป็น ดังนั้น จึงได้มีการคิดค้นทฤษฎีในการรักษาโรคแบบสมัยที่ใช้เวลาอันสั้น เสียค่าใช้จ่ายน้อย สะดวกและไม่มีผลข้างเคียง ต่อผู้ป่วย ซึ่งมีที่มาที่ไปดังต่อไปนี้
สาเหตุที่แท้จริงในการเกิดโรคส่วนของคน ส่วนใหญ่เกิดเพียงสาเหตุเดียว คือ ความเสื่อมหรือความผิดปกติในการทำงานของต่อมใต้สมองเท่าเอง โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรานั้น มีระบบต่อมใต้สมองที่ชื่อว่า “ต่อมพิตูอิทารี” ควบคุมระบบการเจริญเติบโตทั้งหมดของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโตของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ด้วยการผลิต โกร๊ธ ฮอร์โมน (Growth hormone) ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ นอกจากนี้ยังผลิตฮอร์โมนควบคุมระบบต่อมต่างๆดังนี้
1) Growth Hormone เป็นฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะ กระดูกและกล้ามเนื้อ
2) Thyroid Stimulating Hormone เป็นฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้าง ไทร็อกซินเพิ่มขึ้น
3) Gonadotrophic Hormone เป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเซลล์สืบพันธุ์
4) Antidiuretic Hormone เป็นฮอร์โมนช่วยในการดูดน้ำกลับของท่อไต เพื่อรักษา ระดับน้ำของร่างกาย
5) Melatonin เป็นฮอร์โมนกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น
ตามปกติส่วนใหญ่แล้วคนเราจะป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ด้วยสาเหตุอย่างเดียวคือ ต่อมพิตูอิทารี เสื่อมหรือทำงานผิดปกติเท่านั้นเอง จึงทำให้เกิดโรคชรา โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเก๊าส์ ฯลฯ แม้กระทั่งโรคมะเร็ง ซึ่งคนเราอายุ 1-22 ปี จะไม่ค่อยเป็นโรค เพราะระบบต่อมพิตูทารี ทำงานได้ดีอยู่ เซลล์และอวัยวะต่างๆทำงานได้ดีอยู่ เซลล์แข็งแรงสามารถต้านทานเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อคนเราเข้าสู่อายุ 23 ปีขี้นไป จะเข้าสู่วัยชราเพราะต่อมพิตูทารีทำงานได้น้อยลง ผลิต โกร๊ธฮอร์โมนได้น้อยลง ทำให้ร่างกายนอกจากจะเกิดความชรา ผมหงอก ผิวเหนี่ยวหย่อนยาน ฯลฯ แล้ว จะเห็นได้ว่าคนเราจะมักป่วยเป็นโรคบ่อยๆ ในวงการแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก่อนได้ส่งเสริมให้ผู้คนทาน โกร๊ธฮอร์โมน เพื่อละลอความชรา คงความหนุ่มสาวและร่างกายต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้ดี
ต่อมาได้มีการค้นพบ แอลอาร์จีนิน (L-arginine) ซึ่งเป็นวัตถุดิบเริ่มต้น ในการเกิดปฏิกิริชีวเคมีที่เรียกว่า Pathway L-Argnine
การค้นพบคุณสมบัติ ไนตริกออกไซด์ (NO) ตาม Pathway L-Argnine นี้โดยนักวิทยาศาสตร์ คือ Feric murad ,Robert forgot,Lious iniro ได้รับรางวัลโนเบล ค.ศ. 1998 อันเป็นรางวัลอันทรงเกียรติและสูงสุดของมวลมนุษยชาติ คุณสมบัติ ไนตริกออกไซด์ (NO) ซึ่งได้ชื่อว่า “เป็นวีระบุรุษร่างกาย” ทำให้เส้นเลือดเหนียวและทำให้เส้นเลือดขยายตัว จับไขมันส่วนเกินในเส้นเลือด และต้านอนุมูลอิสระสามารถนำคุณสมบัตินี้ สามารถบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยในการขยายหลอดเลือด ลดสภาวะตึงเครียดของหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ ดูแลและซ่อมการไหลของเลือด ช่วยทำให้การสูบฉีดเลือดในร่างกายให้เป็นปกติ
โกร๊ทฮอร์โมนประกอบด้วยกรดอะมิโน 191 โมเลกุลเรียงต่อกันเป็นสายยาว โดยมีกรดอะมิโน 191 ตัวแบ่งเป็น 22 ชนิด ดังนั้น หากจะสร้างโกร๊ทฮอร์โมน ในร่างกายก็ต้องใช้สารตั้งต้น ซึ่งจะต้องเรียงกรดอะมิโนให้ถูกต้อง ร่างกายจะนำไปสร้างเป็นโกร๊ทฮอร์โมนได้
ซึ่งแพทย์ด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Antiaging medicine)ได้ทำการศึกษาวิธีการต้านความชราในมนุษย์โดยใช้โกร๊ทฮอร์โมนกันมาอย่างละเอียดแล้ว จึงทำให้เราได้รู้ว่า 22 กรดอะมิโนชนิดใดบ้างที่จะเป็นสารตั้งต้นที่ดีในการสร้างโกร๊ทฮอร์โมน โดยเริ่มจาก
-แอลอาร์จีนิน(L-Argnine ) เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องกินเข้าไป กลไกของ L-Argnine กระตุ้นให้ต่อมพิตูทารี สร้าง โกร๊ท ฮอร์โมนมากขึ้น โดยไปยับหยั้ง ฮอร์โมน โซมาโตแสตนติน (Somatostantin) ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้ทำให้เกิดความชราให้กับร่างกาย เช่น ผมหงอก ผิวหย่อนยาน เป็นต้น นอกจากนี้ ตามรูป Pathway ยังเป็นตัวเริ่มต้นให้เกิดกรดอะมิโนตัวอื่น
-ออร์นิทีน (Ornithine) เป็นกรดอะมิโนลูกของอาร์จินิน (Son of Arginine)
จากรูป ออร์นิทีน (Ornithine) ถูกสร้างจากอาร์จินินแต่ให้ประสิทธิภาพแรงกว่าถึง 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายอาร์จินินจึงให้ผลในการต้านความชราเช่นเดียวกัน มีรายงานว่าสามารถทำให้เซลล์ตับที่เสียหายกลับคืนมาดีได้ในสัตว์ทดลอง นอกจากนั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ต้องใช้ร่วมกับกรดอะมิดนให้ถูกชนิดเช่น กับ อาร์จินิน ไลซีน หรือกลูตามีน
-ไลซีน (Lysine) เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยสร้างกระดูก,เพิ่มความสูงและบำรุงระบบสืบพันธุ์ นักวิจัยโดยให้ไลซีนร่วมกับอาร์จินินพบว่าได้ประสิทธิภาพเพิ่มเป็น 2 เท่าของการให้แต่เพียงอาร์จินิน และผลจะออกมาดีมากถ้าอยู่ในรูปรับประทาน นอกจาก เพิ่มระดับฮอร์โมนจากต่อมไทมัส ซึ่งเสื่อมไปแล้วของสัตว์และมนุษย์ได้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ซึ่งทำให้เชื้อฉวยโอกาสต่าง เช่น ไวรัสเริม นั้นไม่เกิดขึ้น วิธีใช้ไลซีนให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือใช้ร่วมกับอาร์จินีน ,ออร์นิทีนและ กลูตามีน
-กลูตามีน (Glutamine) กรดอ่ะมิโนที่ปริมาณมากที่สุดในร่างกาย จัดเป็นกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับร่างกาย และถือว่าเป็นน้องใหม่ล่าสุดที่มีการค้นพบว่าช่วยกระตุ้นการหลั่งโกร๊ธฮออร์โมนอันเนื่องมาจากการศึกษาโดย โทมัส ซี.เวลบอร์น ใน ค.ศ.1995 พบว่าการให้รับประทานกลูตามีนในปริมาณเล็กน้อยพียง 2 กรัมก็สามารถเพิ่มระดับโกร๊ธฮออร์โมนได้มากกว่า 4 เท่า และที่น่าทึ่งที่สุดคือแม้ ในอายุมากกว่า60ปี กลูตามีนก็ยังสามารถกระตุ้นโกร๊ธฮออร์โมนได้ มีเพียงรายเดียวจากงานวิจัยที่กลูตามีนไม่มีผลใดๆ คือสตรีรูปร่างอ้วนรายหนึ่ง
ผลในการต้านความชรานั้น กลูตามีนเป็นตัวหระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่สำคัญในช่วงที่ร่างกายเครียดไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ นอกจากนั้นในผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ กลูตามีนจหะช่วยไม่ให้มวลกล้ามเนื้อที่สร้างไว้ฝ่อลงไปให้ระคายเคืองใจ โดยกลไกคือกลูตามีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อตั้งแต่ในระดับดีเอ็นเอการแบ่งตัวของเซลล์นอกจากนั้นมันยังสามารถผ่านปราการสมอง
(Blood Brain Barrier) เข้าสู่ระบบประสาทได้อย่างสบายๆเมื่อมีผลดีมากมายเช่นนี้จึงมีผู้ใช้ระดับกลูตามีนในเลือดที่สูงเป็นตัวชี้บ่งว่าบุคคลนั้นๆ มีสุขภาพดีเพียงใด มีการเก็บข้อมูลในผู้มีอายุเกินกว่า 60 ปี พบว่าถ้ามีระดับกลูตามีนในเลือสูงจะพบการเจ็บป่วยน้อยกว่า, ระดับโคเลสเตอรอลไม่สูงรวมไปถึงความดันโลหิตที่ดีด้วยและที่สำคัญทุกคนพูดตรงกันว่า “รู้สึกไม่แก่เลย” ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ที่มีระดับกลูตามีนในเลือดต่ำจะพบโรคที่เกิดจากความเสื่อมมากกว่า เช่น โรคเบาหวาน, ข้ออักเสบ และโรคหัวใจ
ซิทรูลีน (อังกฤษ: Citrulline)
การทำงาน
arginine เปลี่ยน ไปเป็นซิทรูลีน โดยกระบวนการ citrullination หรือ deimination โปรตีนที่มีซิทรูลีน ได้แก่ โปรตีนในไมอีลิน (myelin basic protein) (MBP) filaggrin และโปรตีนฮิสโตนหลายตัว ในขณะที่ fibrin และ vimentin จะเกิด citrullination ระหว่างการตายของเซลล์และการอักเสบของเนื้อเยื่อ หน้าที่ไม่ทราบแน่ชัด อาจจะเกี่ยวข้องกับการบำบัดผู้ป่วยรูมาตอยด์ ดังนั้น แอลอาร์จีนิน (L-arginine) จึงได้ชื่อว่า “โมเลกุลมหัศจรรย” ซึ่งมีนายแพทย์ ชื่อว่า Dr.J. Joseph Prendergast เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน หลอดเชือดหัวใจ ฮอร์โมนและต่อมไร่ท่อ เป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้ทางการแพทยืตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งท่านได้ชื่อว่าเป็นแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยไม่ใช้ยา กว่า 19 ปี ในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและเบาหวาน จำนวน 7,000 รายไม่พบการเสียชีวิต เลยสักราย ถึงขนาดประธานาธิปดีบารัค โอบาม่า ขอให้เข้าพบ โดยประกอบด้วยสารสำคัญคือกรดอะมิโน L-Arginine เป็นหลัก สามารถรักษาโรคเรื้อรังได้อย่างรวดเร็ว กว่ายาปฏิชีวนะทั่วไป เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเก๊าส์ โรคความดันสูง โรคเส้นเลือดตีบในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น
สนใจขอรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
โค้ชเกมส์
Mobile :092-645-4256
Line ID : kp156
proargi9.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น