อันตราย! จากการทานยาลดไขมัน ยากลุ่ม Statin
HMG CoA reductase inhibitor [ statin ]
ยาในกลุ่มนี้ประกอบด้วย
-Lovastatin[ 20-80 mg]
-Simvastatin [ 20-80mg ]
-Fluvastatin [20-80 mg ]
-Atrovastatin [10-80 mg]
ยาในกลุ่มนี้
ลด LDL ได้ร้อยละ 18-55%
เพิ่ม HDL ได้ร้อยละ 5-15%
ลด TG ได้ร้อยละ 7-30%
พบว่าการให้ยานี้เพื่อลดไขมัน จะทำให้อัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง
ผลข้างเคียงของยา จะทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อและตับ
ข้อห้าม
ใช้ในผู้ป่วยที่มีตับอักเสบเฉียบพลัน และตับอักเสบเรื้อรัง และห้ามใช้ร่วมกับยา cyclosporin ยารักษาเชื้อรา ยาจะออกฤทธิ์ที่ตับทำให้ไขมัน LDL Chloresterol ลดลง
ประสิทธิภาพของยา
หากสามารถลดไขมัน LDL ได้ประมาณ 40 มก % จะสามารถ
ลดอัตราการเสียชีวิตได้ร้อยละ 10
ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจลงร้อยละ 20
ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้ร้อยละ 23
ลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ร้อยละ 17
เมื่อไรจึงจะใช้ยา Statin
การจะใช้ยา Statin เพื่อลดไขมันในเลือดมีองค์ประกอบที่พิจารณาอยู่สองประการ
ประการแรกคือระดับไขมันในเลือด
ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
ไขมันในเลือดสูงจะหมายถึงระดับ total cholesterol level เท่ากับหรือมากกว่า 240 (mg/dL) หรือไขมัน low-density lipoprotein cholesterol (LDL, or “bad” cholesterol) เท่ากับหรือมากกว่า 130 mg/dL แพทย์จะรักษาไขมันในเลือดสูงจะต้องมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ปัจจัยเสี่ยงได้แก่
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคไขมันหรือ โรคหลอดเลือดหัวใจ
- ไม่ออกกำลังกาย
- ความดันโลหิตสูง
- สุขภาพโดยทั่วไปไม่ดี
- เป็นโรคเบาหวาน
- อ้วนหรือน้ำหนักเกิน
- สูบบุหรี่
- โรคหลอดเลือดแข็ง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรักษาไขมันในเลือดสูง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะเป็นวิธีการรักษาหลักในการลดไขมันในเลือด วิธีการได้แก่
หยุดสูบบุหรี่
รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
ออกกำลังกายวันละ 30 นาที
การจัดการเรื่องความเครียด
หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วระดับไขมัน (LDL) cholesterol ของท่านยังสูง และหากมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดไขมัน statin เพื่อรักษาไขมันในเลือด
- ไขมันในเลือดสูง
- ความดันโลหิตสูง
- เป็นโรคเบาหวาน
- อ้วนหรือน้ำหนักเกิน
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
- ไม่ออกกำลังกาย
- ดื่มสุราอย่างมาก
- เครียด
- อายุมาก
- สูบบหรี่
- โรคหลอดเลือดแข็ง
- รักษาไขมันในเลือดแล้วจะหยุดยาลดไขมันได้หรือไม่
การจะพิจารณาว่าจะหยุดยาหรือไม่ มีหลักพิจารณาอยู่หลายประการ
ระดับไขมันก่อนการรักษา หากไขมันก่อนการรักษาสูงมาก การควบคุมโดยใช้การออกกำลังกายและการคุมอาหารอาจจะไม่เพียงพอ อาจจะจำเป็นต้องใช้ยา
ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หากมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจสูงก็ไม่ควรหยุดยา
โรคประจำตัว หากท่านมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงของยา ถ้าไขมันไม่สูงมาก และท่านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ดี ก็อาจจะหยุดยาได้
แต่หลังจากหยุดยาหรือลดยาท่านจะต้องปรับพฤติกรรม และไปตามแพทย์นัด
ผลข้างเคียงของยา
กล้ามเนื้ออักเสบ พบได้ไม่บ่อย หากไม่จัดการก็อาจจะกลายเป็นกล้ามเนื้อถูกทำลายมากจนไตวาย ปัจจัยที่ส่งเสริมทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้แก่
- อายุมาก
- รูปร่างเล็ก
- เพศหญิง
- เป็นโรคตับหรือโรคไต
- ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย
- ดื่มสุรา
- รับประทานยาหลายชนิด
อาการปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 5 - 10 โดยมีอาการที่สำคัญคือปวดกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปเจาะเลือดหาระดับCPK มักจะไม่สูง หากผู้ป่วยปวดไม่มากขึ้น และทนอาการปวดได้ก็แนะนำให้รับประทานยาต่อ หากปวดมากขึ้นจนทนไม่ได้หรือค่า CPK สูงก็ให้หยุดยา
ตับอักเสบ
พบว่าเกิดตับอักเสบร้อยละ 0.5-2%โดยจะต้องตรวจเลือดพบว่าค่า SGOTสูงมากว่าค่าปกติ 3เท่า 2 ครั้งห่างกันเป็นสัปดาห์ เมื่อลดขนาดของยาค่านี้ก็จะลดลง
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยแต่ไม่อันตรายได้แก่
ปวดกล้ามเนื้อ พบบ่อยที่สุด
คลื่นไส้
ท้องร่วง
ท้องผูก
ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ตับอักเสบเฉียบพลัน หากค่าผลเลือดไม่สูงมากก็รับประทานยาต่อ ยาที่จะส่งเสริมทำให้เกิดตับอักเสบได้แก่gemfibrozil และ niacin
ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ หากรับประทานยาในขนาดสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ ในรายที่รุนแรงกล้ามเนื้อจะตาย และทำให้เกิดไตวาย
เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
มีรายงานว่ายานี้อาจจะทำให้ความจำเสื่อม แต่เมื่อหยุดยาอาการก็กลับสู่ปกติ
simvastatin atrovastatin rosuvastatin lovastatin
การใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่น
ยานี้หากใช้ร่วมกับ gemfibrozil จะทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบเพิ่มมากขึ้น สำหรับยา fenofibrate, bezafibrate, หรือ ciprofibrate เกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้น้อย
อยากให้อ่านทำความเข้าใจครับว่า “ยา” ก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป แล้วถ้าไม่ต้องทานยา จะทำอย่างไร?
ยาในกลุ่มนี้
พบว่าการให้ยานี้เพื่อลดไขมัน จะทำให้อัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง
ข้อห้าม
ประสิทธิภาพของยา
เมื่อไรจึงจะใช้ยา Statin
ประการแรกคือระดับไขมันในเลือด
ปัจจัยเสี่ยงได้แก่
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรักษาไขมันในเลือดสูง
หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วระดับไขมัน (LDL) cholesterol ของท่านยังสูง และหากมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดไขมัน statin เพื่อรักษาไขมันในเลือด
การจะพิจารณาว่าจะหยุดยาหรือไม่ มีหลักพิจารณาอยู่หลายประการ
ผลข้างเคียงของยา
ตับอักเสบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น