วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2563

การล้างพิษหลอดเลือด (Detoxifies Blood Vessels)

 การล้างพิษหลอดเลือด (Detoxifies Blood Vessels)



หลอดเลือดของเรา ก็เปรียบเสมือนท่อที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปทั่วร่างกาย  เมื่อท่อผ่านการใช้งานไปนานๆ ก็จะมี"ตะกรันเกาะตามผนังท่อหนาขึ้นเรื่อยๆ พอเกาะมากเข้าก็จะเกิดการอุดตัน และทำให้ท่อแตกในที่สุด


สำหรับหลอดเลือด ตะกรัน ก็คือ "ไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดนั้นเอง ซึ่งไขมันนี้เกิดขึ้นจากสารพิษ สารตะกั่วโลหะหนัก ที่เราเรียกกันว่า “อนุมูลอิสระ เมื่ออนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายผ่านกระแสเลือด 


เมื่อมีไขมันเกาะมากเข้าจนอุดตันทางเดินเลือด 80 - 90% ก็จะแสดงอาการออกมา เป็น #โรคเส้นเลือดตีบ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะไปตีบที่ส่วนไหน

ถ้าตีบที่หัวใจ ก็จะทำให้ #หัวใจวาย

ถ้าตีบที่สมอง ก็จะทำให้ #เส้นเลือดในสมองแตก ตีบ ตัน


ดังนั้นเราจึงต้องคอย "ล้างพิษหลอดเลือดหรือล้างไขมันในหลอดเลือดอย่างสม่ำเสมอนั้นเอง


แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้อง ล้างพิษหลอดเลือดแล้ว?

โดยปกติหลอดเลือดตีบ จะไม่แสดงอาการร้ายแรง จะรู้ตัวอีกทีก็เป็นหลอดเลือดอุดตันเลย และอาจหัวใจวานเฉียบพลัน แต่เรามีวิธีสังเกตง่ายๆ สำหรับคนที่มีไขมันเกาะผนังหลอดเลือดจนอุดตัน


  • รู้สึกเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัวตามส่วนต่างๆ ปวดเวลาลุกขึ้นยืน หรือขยับ แสดงว่าเริ่มอุดตันแล้วเพราะเลือดไหลไปเลี้ยงส่วนทีาอุดตันไม่เพียงพอ จึงทำให้รู้สึกเมื่อตลอดเวลา
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเพลียตอนบ่ายๆ เป็นประจำ  หรือวูบระหว่างขับรถ เพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี ร่างกายไม่ทำงานเต็มที่
  • เจ็บหน้าอก หรือปวดหัวเป็นระยะๆ อาจเข้าขั้นอุดตันรุนแรง หากรู้สึกแบบนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตเฉียบพลันได้


กลุ่มเสี่ยงที่มักมีไขมันอุดตันในหลอดเลือดสูง ได้แก่ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน และผู้สูงอายุ เพราะเป็นสองกลุ่มที่ระบบเผาผลาญเสื่อมลงและมีไขมันสะสมมาก


การล้างพิษหลอดเลือดเป็นประจำจะช่วยป้องกันจากโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว โรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือดคั่งในสมอง เส้นเลือดแตกโป่งพอง และโรคหลอดเลือดทุกชนิด


อาการแสดงเมื่อมีสารพิษโลหะหนักสะสมในร่างกาย เช่น 

  • ปวดศรีษะบ่อย หงุดหงิด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก รูมาตอยด์
  • ท้องผูกเรื้องรัง  ปากเหม็น กลิ่นตัวแรง 
  • ปัญหาผิวพรรณ สิว ฝ้า 
  • หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษง่าย
  • ระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง ทำให้อ้วนง่าย 
  • เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ
  • โรคผิวหนังเรื้อรัง ผื่นคัน เป็นแผล เป็นฝีบ่อยๆ

 

โลหะหนักอันตรายต่อชีวิตอย่างไร

  • เซลล์เสื่อม ตาย กลายพันธุ์
  • ก่อเกิดมะเร็งต่างๆ
  • เปลี่ยนแปลงโครงสร้างยีน พันธุกรรม
  • ก่อเกิดโรคเรื้อรัง  NCDs
  • คุณภาพชีวิตต่ำลง


การล้างพิษหลอดเลือดเหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูงเช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่ ฯลฯ
  • ผู้ที่มีปัญหาสารพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย
  • ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนโลหิตบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
  • ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
  • ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัว และต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต
  • ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทำบายพาสมาแล้ว เพราะจะเกิดการอุดตันใหม่เกิดขึ้น ซึ่งการล้างพิษหลอดเลือดจะลดปัญหาเหล่านั้นได้


การรักษาโรคไขมันอุดตันของแพทย์แผนปัจจุบัน คือการรักษาเฉพาะหน้าซึ่งไม่สามารถรักษาอาการให้หายขาดได้เช่น การทำบอลลูนกับเส้นเลือดตีบซึ่งก็ช่วยได้เป็นครั้งคราวเพราะเป็นการไปถ่างขยายหลอดเลือดแต่ไขมันก็ยังเกาะอยู่เหมือนเดิม หรือการใช้ยาลดไขมันในน้ำเลือดซึ่งก็ไม่สามารถสลายไขมันที่เกาะผนังหลอดเลือดได้


วิธีการรักษาของแพทย์ คือแนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดไขมันหลอดเลือด และค่อยๆ หยุดยา แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกายจนร่างกายสามารถนำไขมันสะสมมาใช้นั้นยากมาก เพราะฉนั้นหมายความว่าต้องสลายไขมันที่ทานเข้าไปให้หมดเสียก่อน ผู้สูงอายุส่วนใหญ่หลายท่านไม่สามารถทนต่อการออกกำลังกายอย่างหนักเช่นนั้นได้ จำใจต้องรับยาต่อไปจนไตวายในที่สุด


#สารอาหารจำเป็นที่ช่วยในการล้างและฟื้นฟูระบบไหลเวียนเลือด ได้แก่


ProArgi 9 Plus (โปรอาร์จิไนน์ พลัสสารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย https://proargi9forheart.blogspot.com/2016/01/proargi-9-plus.html





คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) "The Blood of The Plant" https://proargi9forheart.blogspot.com/2015/12/chlorophyll-blood-of-plant.html





ด้วยความปรารถนาดีจาก 

#โค้ชเกมส์

#ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายด้วยสารอาหารจำเป็นคุณภาพสูง

📞 092-645-4256

📲 LINE : kp156

#เพราะหลอดเลือดคือทั้งหมดของชีวิต 

#ProArgi9Plus

#Chlorophyll_Plus

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

อันตราย! จากการทานยาลดไขมัน ยากลุ่ม Statin

อันตรายจากการทานยาลดไขมัน ยากลุ่ม Statin

ยากลุ่ม Statin


HMG CoA reductase inhibitor [ statin ]
ยาในกลุ่มนี้ประกอบด้วย 
-Lovastatin[ 20-80 mg]
-Simvastatin [ 20-80mg ]
-Fluvastatin [20-80 mg ]
-Atrovastatin [10-80 mg]

ยาในกลุ่มนี้
ลด LDL ได้ร้อยละ 18-55% 
เพิ่ม HDL ได้ร้อยละ 5-15%
ลด TG ได้ร้อยละ 7-30%

พบว่าการให้ยานี้เพื่อลดไขมัน จะทำให้อัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง
ผลข้างเคียงของยา จะทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อและตับ

ข้อห้าม
ใช้ในผู้ป่วยที่มีตับอักเสบเฉียบพลัน และตับอักเสบเรื้อรัง และห้ามใช้ร่วมกับยา cyclosporin ยารักษาเชื้อรา ยาจะออกฤทธิ์ที่ตับทำให้ไขมัน LDL Chloresterol ลดลง

ประสิทธิภาพของยา
หากสามารถลดไขมัน LDL ได้ประมาณ 40 มก % จะสามารถ 
ลดอัตราการเสียชีวิตได้ร้อยละ 10 
ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจลงร้อยละ 20 
ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้ร้อยละ 23 
ลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ร้อยละ 17

เมื่อไรจึงจะใช้ยา Statin
การจะใช้ยา Statin เพื่อลดไขมันในเลือดมีองค์ประกอบที่พิจารณาอยู่สองประการ

ประการแรกคือระดับไขมันในเลือด
ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
ไขมันในเลือดสูงจะหมายถึงระดับ total cholesterol level เท่ากับหรือมากกว่า 240 (mg/dL) หรือไขมัน low-density lipoprotein cholesterol (LDL, or “bad” cholesterol) เท่ากับหรือมากกว่า 130 mg/dL แพทย์จะรักษาไขมันในเลือดสูงจะต้องมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 

ปัจจัยเสี่ยงได้แก่
  • ประวัติครอบครัวเป็นโรคไขมันหรือ โรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ความดันโลหิตสูง
  • สุขภาพโดยทั่วไปไม่ดี
  • เป็นโรคเบาหวาน
  • อ้วนหรือน้ำหนักเกิน
  • สูบบุหรี่
  • โรคหลอดเลือดแข็ง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรักษาไขมันในเลือดสูง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะเป็นวิธีการรักษาหลักในการลดไขมันในเลือด วิธีการได้แก่
หยุดสูบบุหรี่
รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
ออกกำลังกายวันละ 30 นาที
การจัดการเรื่องความเครียด

หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วระดับไขมัน (LDL) cholesterol ของท่านยังสูง และหากมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดไขมัน statin เพื่อรักษาไขมันในเลือด
  • ไขมันในเลือดสูง
  • ความดันโลหิตสูง
  • เป็นโรคเบาหวาน
  • อ้วนหรือน้ำหนักเกิน
  • ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ดื่มสุราอย่างมาก
  • เครียด
  • อายุมาก
  • สูบบหรี่
  • โรคหลอดเลือดแข็ง
  • รักษาไขมันในเลือดแล้วจะหยุดยาลดไขมันได้หรือไม่

การจะพิจารณาว่าจะหยุดยาหรือไม่ มีหลักพิจารณาอยู่หลายประการ
ระดับไขมันก่อนการรักษา หากไขมันก่อนการรักษาสูงมาก การควบคุมโดยใช้การออกกำลังกายและการคุมอาหารอาจจะไม่เพียงพอ อาจจะจำเป็นต้องใช้ยา
ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หากมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจสูงก็ไม่ควรหยุดยา
โรคประจำตัว หากท่านมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงของยา ถ้าไขมันไม่สูงมาก และท่านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ดี ก็อาจจะหยุดยาได้
แต่หลังจากหยุดยาหรือลดยาท่านจะต้องปรับพฤติกรรม และไปตามแพทย์นัด

ผลข้างเคียงของยา
กล้ามเนื้ออักเสบ พบได้ไม่บ่อย หากไม่จัดการก็อาจจะกลายเป็นกล้ามเนื้อถูกทำลายมากจนไตวาย ปัจจัยที่ส่งเสริมทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้แก่
  • อายุมาก
  • รูปร่างเล็ก
  • เพศหญิง
  • เป็นโรคตับหรือโรคไต
  • ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย
  • ดื่มสุรา
  • รับประทานยาหลายชนิด

อาการปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 5 - 10 โดยมีอาการที่สำคัญคือปวดกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปเจาะเลือดหาระดับCPK มักจะไม่สูง หากผู้ป่วยปวดไม่มากขึ้น และทนอาการปวดได้ก็แนะนำให้รับประทานยาต่อ หากปวดมากขึ้นจนทนไม่ได้หรือค่า CPK สูงก็ให้หยุดยา

ตับอักเสบ
พบว่าเกิดตับอักเสบร้อยละ 0.5-2%โดยจะต้องตรวจเลือดพบว่าค่า SGOTสูงมากว่าค่าปกติ 3เท่า 2 ครั้งห่างกันเป็นสัปดาห์ เมื่อลดขนาดของยาค่านี้ก็จะลดลง

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยแต่ไม่อันตรายได้แก่
ปวดกล้ามเนื้อ พบบ่อยที่สุด
คลื่นไส้
ท้องร่วง
ท้องผูก

ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ตับอักเสบเฉียบพลัน หากค่าผลเลือดไม่สูงมากก็รับประทานยาต่อ ยาที่จะส่งเสริมทำให้เกิดตับอักเสบได้แก่gemfibrozil และ niacin

ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ หากรับประทานยาในขนาดสูงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบ ในรายที่รุนแรงกล้ามเนื้อจะตาย และทำให้เกิดไตวาย
เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
มีรายงานว่ายานี้อาจจะทำให้ความจำเสื่อม แต่เมื่อหยุดยาอาการก็กลับสู่ปกติ
simvastatin atrovastatin rosuvastatin lovastatin
การใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่น
ยานี้หากใช้ร่วมกับ gemfibrozil จะทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบเพิ่มมากขึ้น สำหรับยา fenofibrate, bezafibrate, หรือ ciprofibrate เกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้น้อย
อยากให้อ่านทำความเข้าใจครับว่า “ยา” ก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป แล้วถ้าไม่ต้องทานยา จะทำอย่างไร? 
Click มาเพื่อดูว่าไม่ต้องทานยาต้องทำอย่างไร Detox หลอดเลือด