ORAC Score หรือ คะแนนโอแรค ซึ่งย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity เป็นคะแนนที่ได้จากการทดลองหาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ กรรมวิธีและกระบวนการในการตรวจหาค่า ORAC Score ของอาหารแต่ละชนิดเป็นวิธีการมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีความสลับซับซ้อน และค่าที่ได้จากการทดลองก็สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานในการประเมินประสิทธิภาพของอาหารแต่ละชนิดที่มีความสามารถในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาหารที่มีค่า ORAC Score สูงก็จะมีประสิทธิภาพในการต้านทาน และลดอุบัติการณ์ของโรคร้ายหลายชนิดซึ่งมีสาเหตุจากอนุมูลอิสระ เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ เป็นต้น
อาหารที่มีค่า ORAC Score สูงยังสามารถปกป้องเซลล์และองค์ประกอบของเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลายเสียหายจากกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น (Oxidative Damage) ซึ่งเป็นผลมาจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างอนุมูลของออกซิเจน (Oxygen Radicals) และสารเคมีต่างๆ ที่สะสมอยู่ตามธรรมชาติภายในร่างกาย กระบวนการเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองกับทุกๆ คนในทุกๆวัน กิจวัตรประจำวัน เช่น การทำงาน การรับประทานอาหาร อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ แสงแดด และคลื่นแม่เหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แม้แต่กระบวนการย่อยอาหารที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ก็ล้วนเป็นกลไกที่สามารถสร้างอนุมูลของออกซิเจนขึ้นได้เอง
เพื่อให้สามารถจินตนาการกลไกต่างๆ เหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอเปรียบเทียบปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นภายในร่างกายกับปฏิกิริยาการเกิดสนิมในโลหะ โดยเมื่อโลหะสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาการรวมตัวกันจนเกิดเป็นสนิมขึ้น สนิมจะกัดกินเนื้อโลหะไปเรื่อยๆ และทำให้เกิดรูพรุนขึ้นในเนื้อโลหะชิ้นนั้น หากปล่อยไว้จนกระทั่งสนิมทำปฏิกิริยาเป็นเวลานาน โลหะชิ้นนั้นก็จะผุกร่อนจนไม่สามารถนำไปใช้งานอะไรได้อีก
คงไม่มีใครในโลกนี้ที่ต้องการมีชีวิตอยู่ในร่างกายที่ผุกร่อนเช่นนั้น น่าเสียดายที่อนุมูลอิสระในร่างกายคนเราต่างก็เร่งทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่แตกต่างไปจากปฏิกิริยาการเกิดสนิมในเนื้อโลหะ ตลอดเวลาที่ร่างกายเราเจริญเติบโตจากการรับประทานอาหาร การหายใจ การออกกำลังกาย แม้ว่าจะดูเหมือนร่างกายเราในช่วงที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาการที่ดี แต่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เซลล์เนื้อเยื่อ รวมไปถึงซอกหลืบที่เล็กที่สุดภายในร่างกาย ก็ยังผจญกับความเสี่ยงจากการเข้าทำลายและทำให้เซลล์เสียหายจากกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น และเกิดอุบัติการณ์ของโรคร้ายต่างๆ ตามมามากมายอย่างคาดไม่ถึง
กระบวนการตรวจวัดค่า ORAC Score นั้นสามารถตรวจวัดได้ครอบคลุมอาหารทุกกลุ่มแม้ว่าการวัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารแต่ละชนิดจะกระทำได้ค่อนข้างยาก แต่การตรวจวัดค่า ORAC Score ก็สามารถใช้ในการระบุเฉพาะเจาะจงได้ว่าอาหารชนิดใดมีความสามารถอย่างแท้จริงในการต้านโรคที่เกิดจากกระบวนการของสารอนุมูลอิสระภายในร่างกาย น่าแปลกที่อาหารหลายชนิดเมื่อนำมารวมกันจะทำให้ได้ค่า ORAC Score ที่สูงขึ้นกว่าการตรวจวัดค่า ORAC Score จากอาหารแต่ละชนิดแล้วนำมารวมกัน เรียกได้ว่ามีอาหารบางชนิดที่เมื่อนำรวมกันด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้องแล้ว จะสามารถเสริมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพในการทำงานสร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกายได้มากขึ้น
ในปัจจุบันนี้ที่ผู้คนจำนวนมากหันมาดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพ และซื้อรวมทั้งบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลากหลายชนิด ทั้งในรูปแบบของสารสกัดจากวัตถุดิบตามธรรมชาติและสารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป อาหารและรวมไปถึงพืชผักผลไม้หลากหลายชนิดให้ประโยชน์ต่อกลไกการทำงานของร่างกายในแง่มุมที่แตกต่างกัน บางชนิดให้พลังงานมาก บางชนิดช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค และบางชนิดช่วยต่อต้านอุบัติการณ์และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ซึ่งการตรวจวัดค่า ORAC Score ของอาหารแต่ละชนิดจะช่วยให้เราสามารถเลือกสรรอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
โดยปกติแล้ว ค่าที่ได้จากการตรวจวัด ORAC Score จำเป็นที่จะต้องอิงกับมาตรฐานอย่างเดียวกันของแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการเปรียบเทียบ เช่นค่า ORAC Score ต่อน้ำหนักที่คิดเป็นออนซ์ (ใช้กับสินค้าที่เป็นของเหลว) หรือ ค่า ORAC Score ต่อน้ำหนักของผลไม้ที่คิดเป็นกรัม เมื่อต้องการเปรียบเทียบความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของผลไม้ชนิดต่างๆ ในกรณีเช่นนี้ ผลไม้ชนิดเดียวกันที่ผ่านกระบวนการอบแห้งก็จะมีค่า ORAC Score มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เนื่องจากมีการระเหยน้ำออกไปซึ่งจะทำให้มีปริมาณเนื้อผลไม้มากขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำหนักที่เท่ากัน
ดังนั้นการเข้าใจความหมายและวิธีการตรวจวัดค่า ORAC Score จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่ถูกหลอกลวงหรือถูกชี้นำด้วยวิธีการที่เจตนาลวงให้มีความเข้าใจผิด โดยการเปรียบเทียบสินค้าของตนเองกับผลิตภัณฑ์อื่น โดยใช้มาตรฐานที่ต่างกัน
และสำหรับคำถามที่ว่าเราควรจะรับประทานอาหารให้ได้ปริมาณ ORAC Score เป็นจำนวนเท่าไรในแต่ละวัน คำตอบอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอาจจะสามารถจำแนกตามช่วงอายุ เช่น เด็ก วัยรุ่น วัยทำงานและวัยชรา หรืออาจจะจำแนกตามปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล เช่นคนที่มีสุขภาพดีมาก กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังรอรับการรักษา หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่มีไขมันสูง พักผ่อนน้อย พักอาศัยหรืออยู่ในเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมาก จากผลการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่มีค่า ORAC Score สูงติดต่อกันจะสามารถเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่ตรวจวัดได้ในเลือดถึง 25% ซึ่งในปัจจุบันผู้ผลิตอาหารเพื่อสุขภาพหลายราย ต่างก็เปิดเผยค่า ORAC Score ไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์ เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้ออาหารที่ดีและเหมาะสมในการดูแลสุขภาพต่อไป
มังคุด (Garcinia Mangostana) (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Garcinia Mangostana) ได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งผลไม้ทั้งปวง เนื่องจากมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว อร่อย และเมื่อวิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาศาสตร์ชีวเคมี และวิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น จึงมีการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของผลมังคุดและสามารถระบุได้ว่ามีการค้นพบสารประกอบกลุ่มแซนโทน (Xanthones) ซึ่งจัดเป็นกลุ่มของสารอาหารจากพืชหรือไฟโตนิวเทรียน (Phytonutrients) ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดเท่าที่ได้มีการค้นพบมา (High Antioxidants) เป็นจำนวนมากอยู่ในผลมังคุด โดยเฉพาะบริเวณเปลือกจะมีสารประกอบแซนโทนหนาแน่นที่สุด ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นพิเศษของมังคุด
สารแซนโทน (Xanthones) ที่อยู่ในผลและกลีบเลี้ยงของมังคุดนั้นมีมากกว่า 40 ชนิดด้วยกัน เช่น Mangostins , Garcinone E , Gartanin , Mangostanol , Mangostenol เป็นต้น ซึ่งแต่ละตัวมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันออกไปและได้มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยจากทั่วโลกจำนวนมากได้ให้การยอมรับในคุณประโยชน์ของสารสกัดจากมังคุด เช่น
· ยับยั้งการหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ (Allergies) , อาการแพ้จากปฏิกิริยาภูมิไวเกินชนิดที่ 1 (Hypersensitivity)
· ยับยั้งการสังเคราะห์สารพลอสตาแกลนดินอีทู (PGE2) และออกฤทธิ์ยับยั้ง COX-1 และ COX-2 ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกระบวนการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน เช่น การปวดอักเสบของกล้ามเนื้อและการปวดท้องประจำเดือน
· ต่อต้านและยับยังการเจริญเติบโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็งต่างๆ ในระดับห้องปฏิบัติการ เช่น Cell มะเร็งเต้านม, เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว , เซลล์มะเร็งตับ , เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหาร , เซลล์มะเร็งปอด และเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่
· ยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของ LDL (ซึ่งเป็นไขมันตัวร้าย) จึงช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิด Stroke (การอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ)
· มีคุณสมบัติในการช่วยขยายหลอดเลือด (Vasodition Activities) จึงมีผลช่วยให้ลดความดันโลหิต
· ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด เช่นเชื้อวัณโรค (Mycobacterium Tuberculosis) , เชื้อแบคทีเรียทรงกลม (Staphylococcus Aureus) อันเป็นสาเหตุของการเกิดแผลหนองที่ผิวหนัง
· ช่วยลดระดับของน้ำตาลในเลือด กรณีศึกษาในห้องปฏิบัติการ ภาวะโรคเบาหวานชนิดที่ 2* (Type II) *โรคเบาหวานมี 2 ชนิด ได้แก่ Type I มักพบในคนอายุน้อย และ Type II มักพบในผู้ใหญ่และคนอ้วน
· มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรงเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ (Antioxidants) จึงช่วยลดความเสี่ยงในการสะสมของอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแก่ก่อนวัย (Aging) , การเสื่อมของเซลล์ร่างกายจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น แสงแดด , มลพิษทางอากาศ เป็นต้น
หมายเหตุ : สารสกัดจากมังคุดไม่ใช่ยารักษาโรค ผู้ป่วยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ การดื่มสารสกัดจากมังคุดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ
โกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) หรือชื่อในภาษาละติน คือ ลีเซียม บาร์บารุ่ม (Lycium Barbarum) ผลไม้ที่พบและปลูกกันมากทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารจีนหลากหลายชนิดมาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ทำให้หลับสบาย ช่วยในเรื่องไตบกพร่อง บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด สายตาไม่ดี โดยเฉพาะอาการตาบอดกลางคืน โกจิเบอร์รี่มีส่วนประกอบของกรดอะมิโนมากถึง 18 ชนิด มีโปรตีนและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น เหล็ก , ทองแดง , สังกะสี , แคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามิน A , B2 , C และมีสารประกอบโพลีแซ็คคาไรด์มากถึง 22 ชนิด โดยในจำนวนนี้มี 4 ชนิด ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายทำงานสัมพันธ์กันดียิ่งขึ้น
ทับทิม (Pomegranate) ผลไม้สีสวยที่มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนแถบเปอร์เซีย หรือประเทศอิหร่านในปัจจุบัน จากงานวิจัยจำนวนมากต่างยืนยันว่าผลทับทิมมีสารประกอบตามธรรมชาติในกลุ่มแซนโทน โดยเฉพาะ Hydrolysable Xanthones หรือสารประกอบแซนโทนในกลุ่มที่สามารถละลายน้ำได้อยู่ในปริมาณมาก ซึ่งให้ประโยชน์ที่ชัดเจนแก่ร่างกาย ไม่เพียงแต่ในด้านการป้องกันการเข้าทำลายเซลล์เนื้อเยื่อจากสารอนุมูลอิสระ แต่ยังสามารถลดสภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือด ที่มีสาเหตุมาจากภาวะไขมันในเลือดสูง ทับทิมจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพหัวใจและเส้นเลือดโดยตรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น