วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารอาหารบำบัด จำเป็นหรือไม่?

สารอาหารบำบัด จำเป็นหรือไม่?
     ทุกวันนี้คนเราเจอกับมลภาวะตั้งแต่อากาศที่หายใจ อาหารที่รับประทาน น้้าที่ดื่มทุกวัน ก่อให้เกิดปัญหา อนุมูลอิสระสะสมในร่างกายเป็นประจ้าทุกวันแบบไม่รู้ตัว หน่ำซ้ำอาวุธที่มนุษย์มีไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระจาก ธรรมชาติก็ร่อยหรอลงไปทุกที จะหาผักผลไม้ปลอดสารพิษได้จากที่ไหน? แร่ธาตุในดินที่ลดลงไปเรื่อยๆ จะทำ ให้ผลไม้มีคุณค่าเพียงพอได้อีกกี่ปี? เศรษฐกิจซบเงินซื้อผลไม้ก็ดูจะกลายเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับบางครอบครัว หลากหลายปัญหาที่ทำให้มนุษย์เป็นโรคเสื่อม ทั้งเกิดจากภายนอกและจากภายในคือความเครียดจากการท้างานก็ ก่อให้เกิดปัญหากับระบบร่างกายเช่นเดียวกัน วันนี้อาจจะยังแข็งแรงอยู่ แต่ทุกอย่างมันกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ใน ร่างกายของคุณนั่นเอง เมื่อใดเม็ดเลือดขาวแพ้ เมื่อนั้นก็จะแสดงอาการออกมา

     สารอาหารบำบัดหรือที่ในบ้านเราเรียกกันว่า "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" นั้นดูหลายคนจะขยาดและอยาก วิ่งหนีเมื่อได้ยินค้านี้เพราะทราบว่าต้องเสียเงิน... จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันและแก้ไขเรา จากโรคเสื่อมต่างๆ ที่มีอันดับการตายเป็นอันดับ 1 - 10 อยู่ทุกๆ ปี เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคไขข้อ, โรคหลอด เลือดอุดตัน, โรคเบาหวาน ฯลฯ อีกสารพัดสาเหตุหลักที่เกิดโรคพวกนี้ขึ้นก็เพราะ "เซลอ่อนแอ" หรือ "เซล ขาดอ็อกซิเจน" เพราะสู้รบกับอนุมูลอิสระไม่ไหวนั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่เราต้องมอง "สารอาหารบำบัด" เพื่อ ป้องกันโรคเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกาย

ทำไมต้องใช้สารอาหารบำบัด



นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้แต่งหนังสือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริม ความตายอาจกำลังครอบงำคุณ และ ใบสั่งยา อาจฆ่าคุณ  ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด" ที่มีคุณภาพสูงสามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ คือ เพิ่มภูมิต้านทานโรค  เพิ่มศักยภาพให้ Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสื่อมความชรา และมะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลมปัจจุบัน มะเร็ง ข้ออักเสบ ความเสื่อม ต้อกระจก อัลไซ เมอร์ พาร์กินสัน ภูมิแพ้ หืด โรคปอด โรคจากความเสื่อมเรื้อรัง ช่วยรักษาโรคที่มีความเสื่อมเริ้อรัง
จากข้อมูลในหนังสือของ คุณหมอเรย์ ดี สแตรนด์ ได้มีข้อมูลยืนยันว่า นักศึกษาแพทย์ได้เรียน ทางด้านโภชนาการ หรือเรื่องสารอาหารน้อยมาก แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น จากการเรียนแพทย์ถึง 6 ปี ส่วนใหญ่จะ เรียนแต่เรื่องยากับการผ่าตัด ดังนั้นคุณหมอ 95% ในโลกนี้จะไม่มีความรู้เรื่อง ของอาหารเสริมเลย และจะบอกกับท่านว่า "ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็พอแล้ว"

ส่วนเหตุผลที่ควรจะทาน ให้ตอบคำถามเหล่านี้ดู
ถ้า...คุณตอบว่า ใช่...! ในข้อใดข้อหนึ่ง คุณสมควรทาน "สารบำบัด"

1.คุณไม่ได้กินอาหารดีๆ มีประโยชน์ทุกมื้อ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก และผลไม้สดอินทรีย์ (ไร้สารพิษ 100%) เต้าหู้ สาหร่ายทะเล ปลา และอาหารทะเลไร้สารพิษ เป็นต้น

2.คุณไม่ได้ทานผักครบ 5 สีทุกมื้อหรือทานผักผลไม้ครบ 2 กิโลกรัมทุกวัน (หรือ 80% ใน 1 วัน)

3.คุณทานอาหารเป็นประเภททอด ปิ้ง ย่าง ผัด เป็นส่วนใหญ่และใช้ความร้อนกับน้้ามันพืชเกิน 60 องศาเซลเซียส (ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระมหาศาลตั้งแต่กระบวนการท้าอาหาร จนถึงรับประทานเข้าไป)

4.คุณไม่ได้ออกก้าลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป

5.คุณอยากมี "สุขภาพดี 120 ปี ไม่มีป่วย" หรืออยากมีสุขภาพดี ดูดี อ่อนกว่าวัย 10 - 30 ปี

6.คุณไม่อยากเป็นเหมือนคนทั่วไป ที่มีความเจ็บป่วย พิการ ดูเหมือนเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น
•อายุ 40 ปี เริ่มมีโรค เริ่มพบแพทย์
•อายุ 50 ปี มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องกินยาตลอดชีวิต
•อายุ 60 ปี ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นมะเร็ง หรือผ่าตัดเสียเงินอีกหลายแสนบาท
•อายุ70 ปี ต้องนอนโรงพยาบาลนาน 2 - 3 เดือน หรือนอน ICU
•อายุ 80 ปี พิการ อัมพาต นอนบนเตียงตลอดชีวิต หรือตาย

คุณรู้หรือไม่?
การรักษาสุขภาพแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. Preventive Medicine เป็นการแพทย์ที่เน้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคขึ้น
2. Curative Medicine เป็นการแพทย์ที่เน้นการรักษาเมื่อเกิดโรคแล้ว

แล้วคุณล่ะเลือกอยู่กลุ่มไหน?
--- ป้องกันก่อนเป็น --- หรือ--- เป็นแล้วค่อยรักษา ---

     จริงๆ แล้วคุณสามารถป้องกันได้ทั้งหมด ด้วยการดูแลเซลให้แข็งแรงอยู่เสมอ กระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้คอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้ส่วนไหนของร่างกายอ่อนแอ แต่จะท้าได้ "สารอาหารบำบัด" จึงจำเป็น อาหารเสริมที่ดี คืออาหารที่คนได้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยความสะดวกไม่ยุ่งยาก บางทีอาหารเสริมดีดีหลาย ตัวคนใช้ไม่ได้ผล เพราะความยุ่งยากในการรับประทาน
ผลิตภัณฑ์ของ Synergy เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคู่แข่ง สามารถดูดซึม ได้สูง 90-100% คุณภาพสูง


สนใจขอรับคำแนะนำ 

ติดต่อ 092-645-4256 โค้ชเกมส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น