วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2564

มาทำความรู้จักกับ ค่า Orac Score

ORAC Score 
ORAC  Score  หรือ คะแนนโอแรค   ซึ่งย่อมาจาก  Oxygen  Radical  Absorbance  Capacity  เป็นคะแนนที่ได้จากการทดลองหาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์  กรรมวิธีและกระบวนการในการตรวจหาค่า  ORAC Score  ของอาหารแต่ละชนิดเป็นวิธีการมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ  มีความสลับซับซ้อน   และค่าที่ได้จากการทดลองก็สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานในการประเมินประสิทธิภาพของอาหารแต่ละชนิดที่มีความสามารถในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาหารที่มีค่า ORAC Score  สูงก็จะมีประสิทธิภาพในการต้านทาน   และลดอุบัติการณ์ของโรคร้ายหลายชนิดซึ่งมีสาเหตุจากอนุมูลอิสระ   เช่น  โรคมะเร็ง  และโรคหัวใจ  เป็นต้น

                อาหารที่มีค่า ORAC Score  สูงยังสามารถปกป้องเซลล์และองค์ประกอบของเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทำลายเสียหายจากกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น  (Oxidative  Damage)  ซึ่งเป็นผลมาจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างอนุมูลของออกซิเจน  (Oxygen  Radicals)  และสารเคมีต่างๆ   ที่สะสมอยู่ตามธรรมชาติภายในร่างกาย  กระบวนการเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองกับทุกๆ คนในทุกๆวัน  กิจวัตรประจำวัน  เช่น  การทำงาน  การรับประทานอาหาร   อากาศที่ไม่บริสุทธิ์  แสงแดด และคลื่นแม่เหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้า   แม้แต่กระบวนการย่อยอาหารที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย  ก็ล้วนเป็นกลไกที่สามารถสร้างอนุมูลของออกซิเจนขึ้นได้เอง

                เพื่อให้สามารถจินตนาการกลไกต่างๆ  เหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอเปรียบเทียบปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นภายในร่างกายกับปฏิกิริยาการเกิดสนิมในโลหะ   โดยเมื่อโลหะสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาการรวมตัวกันจนเกิดเป็นสนิมขึ้น   สนิมจะกัดกินเนื้อโลหะไปเรื่อยๆ  และทำให้เกิดรูพรุนขึ้นในเนื้อโลหะชิ้นนั้น   หากปล่อยไว้จนกระทั่งสนิมทำปฏิกิริยาเป็นเวลานาน  โลหะชิ้นนั้นก็จะผุกร่อนจนไม่สามารถนำไปใช้งานอะไรได้อีก

                คงไม่มีใครในโลกนี้ที่ต้องการมีชีวิตอยู่ในร่างกายที่ผุกร่อนเช่นนั้น   น่าเสียดายที่อนุมูลอิสระในร่างกายคนเราต่างก็เร่งทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่แตกต่างไปจากปฏิกิริยาการเกิดสนิมในเนื้อโลหะ   ตลอดเวลาที่ร่างกายเราเจริญเติบโตจากการรับประทานอาหาร  การหายใจ   การออกกำลังกาย  แม้ว่าจะดูเหมือนร่างกายเราในช่วงที่ผ่านมาจะมีการพัฒนาการที่ดี   แต่อวัยวะต่างๆ  ของร่างกาย   เซลล์เนื้อเยื่อ  รวมไปถึงซอกหลืบที่เล็กที่สุดภายในร่างกาย  ก็ยังผจญกับความเสี่ยงจากการเข้าทำลายและทำให้เซลล์เสียหายจากกระบวนการอ๊อกซิเดชั่น  และเกิดอุบัติการณ์ของโรคร้ายต่างๆ  ตามมามากมายอย่างคาดไม่ถึง

                กระบวนการตรวจวัดค่า  ORAC Score  นั้นสามารถตรวจวัดได้ครอบคลุมอาหารทุกกลุ่มแม้ว่าการวัดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารแต่ละชนิดจะกระทำได้ค่อนข้างยาก  แต่การตรวจวัดค่า  ORAC Score  ก็สามารถใช้ในการระบุเฉพาะเจาะจงได้ว่าอาหารชนิดใดมีความสามารถอย่างแท้จริงในการต้านโรคที่เกิดจากกระบวนการของสารอนุมูลอิสระภายในร่างกาย  น่าแปลกที่อาหารหลายชนิดเมื่อนำมารวมกันจะทำให้ได้ค่า  ORAC Score  ที่สูงขึ้นกว่าการตรวจวัดค่า  ORAC Score  จากอาหารแต่ละชนิดแล้วนำมารวมกัน  เรียกได้ว่ามีอาหารบางชนิดที่เมื่อนำรวมกันด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้องแล้ว   จะสามารถเสริมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพในการทำงานสร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกายได้มากขึ้น

                ในปัจจุบันนี้ที่ผู้คนจำนวนมากหันมาดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพ  และซื้อรวมทั้งบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลากหลายชนิด   ทั้งในรูปแบบของสารสกัดจากวัตถุดิบตามธรรมชาติและสารเคมีสังเคราะห์  ซึ่งก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป   อาหารและรวมไปถึงพืชผักผลไม้หลากหลายชนิดให้ประโยชน์ต่อกลไกการทำงานของร่างกายในแง่มุมที่แตกต่างกัน  บางชนิดให้พลังงานมาก บางชนิดช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค   และบางชนิดช่วยต่อต้านอุบัติการณ์และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายแรง  เช่น  โรคมะเร็ง   โรคหัวใจ  โรคเบาหวาน   ซึ่งการตรวจวัดค่า ORAC Score  ของอาหารแต่ละชนิดจะช่วยให้เราสามารถเลือกสรรอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

                โดยปกติแล้ว   ค่าที่ได้จากการตรวจวัด  ORAC Score  จำเป็นที่จะต้องอิงกับมาตรฐานอย่างเดียวกันของแต่ละผลิตภัณฑ์   เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการเปรียบเทียบ  เช่นค่า  ORAC Score  ต่อน้ำหนักที่คิดเป็นออนซ์  (ใช้กับสินค้าที่เป็นของเหลว)  หรือ  ค่า ORAC Score  ต่อน้ำหนักของผลไม้ที่คิดเป็นกรัม   เมื่อต้องการเปรียบเทียบความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของผลไม้ชนิดต่างๆ   ในกรณีเช่นนี้  ผลไม้ชนิดเดียวกันที่ผ่านกระบวนการอบแห้งก็จะมีค่า ORAC Score  มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว  เนื่องจากมีการระเหยน้ำออกไปซึ่งจะทำให้มีปริมาณเนื้อผลไม้มากขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำหนักที่เท่ากัน

                ดังนั้นการเข้าใจความหมายและวิธีการตรวจวัดค่า ORAC Score  จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง   และไม่ถูกหลอกลวงหรือถูกชี้นำด้วยวิธีการที่เจตนาลวงให้มีความเข้าใจผิด  โดยการเปรียบเทียบสินค้าของตนเองกับผลิตภัณฑ์อื่น  โดยใช้มาตรฐานที่ต่างกัน

                และสำหรับคำถามที่ว่าเราควรจะรับประทานอาหารให้ได้ปริมาณ  ORAC Score  เป็นจำนวนเท่าไรในแต่ละวัน  คำตอบอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล  ซึ่งอาจจะสามารถจำแนกตามช่วงอายุ  เช่น  เด็ก  วัยรุ่น   วัยทำงานและวัยชรา   หรืออาจจะจำแนกตามปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล  เช่นคนที่มีสุขภาพดีมาก  กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังรอรับการรักษา  หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมการกินอาหารที่มีไขมันสูง   พักผ่อนน้อย   พักอาศัยหรืออยู่ในเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมาก  จากผลการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่มีค่า  ORAC Score  สูงติดต่อกันจะสามารถเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่ตรวจวัดได้ในเลือดถึง  25%  ซึ่งในปัจจุบันผู้ผลิตอาหารเพื่อสุขภาพหลายราย   ต่างก็เปิดเผยค่า  ORAC Score  ไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์  เพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้ออาหารที่ดีและเหมาะสมในการดูแลสุขภาพต่อไป

มังคุด  (Garcinia Mangostana) (ชื่อทางวิทยาศาสตร์  Garcinia Mangostana)  ได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งผลไม้ทั้งปวง  เนื่องจากมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว   อร่อย   และเมื่อวิทยาศาสตร์การอาหาร   วิทยาศาสตร์ชีวเคมี   และวิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น  จึงมีการค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของผลมังคุดและสามารถระบุได้ว่ามีการค้นพบสารประกอบกลุ่มแซนโทน  (Xanthones)  ซึ่งจัดเป็นกลุ่มของสารอาหารจากพืชหรือไฟโตนิวเทรียน  (Phytonutrients)  ที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดเท่าที่ได้มีการค้นพบมา  (High  Antioxidants)   เป็นจำนวนมากอยู่ในผลมังคุด   โดยเฉพาะบริเวณเปลือกจะมีสารประกอบแซนโทนหนาแน่นที่สุด   ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นพิเศษของมังคุด
                สารแซนโทน (Xanthones)  ที่อยู่ในผลและกลีบเลี้ยงของมังคุดนั้นมีมากกว่า  40  ชนิดด้วยกัน  เช่น  Mangostins , Garcinone E , Gartanin , Mangostanol , Mangostenol  เป็นต้น   ซึ่งแต่ละตัวมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันออกไปและได้มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยจากทั่วโลกจำนวนมากได้ให้การยอมรับในคุณประโยชน์ของสารสกัดจากมังคุด  เช่น
·        ยับยั้งการหลั่งสารฮีสตามีน  (Histamine)  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้  (Allergies) , อาการแพ้จากปฏิกิริยาภูมิไวเกินชนิดที่  1  (Hypersensitivity)
·        ยับยั้งการสังเคราะห์สารพลอสตาแกลนดินอีทู  (PGE2)  และออกฤทธิ์ยับยั้ง  COX-1 และ  COX-2  ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกระบวนการอักเสบ  ปวด  บวม  แดง  ร้อน  เช่น   การปวดอักเสบของกล้ามเนื้อและการปวดท้องประจำเดือน
·        ต่อต้านและยับยังการเจริญเติบโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็งต่างๆ  ในระดับห้องปฏิบัติการ  เช่น  Cell  มะเร็งเต้านม, เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว , เซลล์มะเร็งตับ , เซลล์มะเร็งกระเพาะอาหาร , เซลล์มะเร็งปอด และเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่
·        ยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของ  LDL (ซึ่งเป็นไขมันตัวร้าย)  จึงช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิด  Stroke  (การอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ)
·        มีคุณสมบัติในการช่วยขยายหลอดเลือด  (Vasodition  Activities)   จึงมีผลช่วยให้ลดความดันโลหิต
·        ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด  เช่นเชื้อวัณโรค  (Mycobacterium  Tuberculosis) , เชื้อแบคทีเรียทรงกลม (Staphylococcus Aureus)  อันเป็นสาเหตุของการเกิดแผลหนองที่ผิวหนัง
·        ช่วยลดระดับของน้ำตาลในเลือด  กรณีศึกษาในห้องปฏิบัติการ  ภาวะโรคเบาหวานชนิดที่ 2*  (Type II)  *โรคเบาหวานมี  2  ชนิด  ได้แก่  Type I มักพบในคนอายุน้อย  และ  Type II  มักพบในผู้ใหญ่และคนอ้วน
·        มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรงเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ  (Antioxidants)  จึงช่วยลดความเสี่ยงในการสะสมของอนุมูลอิสระ  อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแก่ก่อนวัย  (Aging)  , การเสื่อมของเซลล์ร่างกายจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่างๆ  เช่น  แสงแดด , มลพิษทางอากาศ  เป็นต้น
หมายเหตุ  :  สารสกัดจากมังคุดไม่ใช่ยารักษาโรค  ผู้ป่วยควรอยู่ในความดูแลของแพทย์  การดื่มสารสกัดจากมังคุดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ

โกจิเบอร์รี่  (Goji  Berry)   หรือชื่อในภาษาละติน  คือ  ลีเซียม  บาร์บารุ่ม  (Lycium  Barbarum)  ผลไม้ที่พบและปลูกกันมากทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน  ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารจีนหลากหลายชนิดมาตั้งแต่ครั้งโบราณ  โดยมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย   บำรุงสายตา   ช่วยในการทำงานของระบบประสาท  ทำให้หลับสบาย  ช่วยในเรื่องไตบกพร่อง  บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ  หน้ามืด   สายตาไม่ดี   โดยเฉพาะอาการตาบอดกลางคืน  โกจิเบอร์รี่มีส่วนประกอบของกรดอะมิโนมากถึง  18  ชนิด  มีโปรตีนและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย  เช่น  เหล็ก , ทองแดง , สังกะสี , แคลเซียมและฟอสฟอรัส  มีวิตามิน A , B2 , C และมีสารประกอบโพลีแซ็คคาไรด์มากถึง  22  ชนิด  โดยในจำนวนนี้มี  4  ชนิด  ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้   ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายทำงานสัมพันธ์กันดียิ่งขึ้น

ทับทิม   (Pomegranate)   ผลไม้สีสวยที่มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนแถบเปอร์เซีย  หรือประเทศอิหร่านในปัจจุบัน  จากงานวิจัยจำนวนมากต่างยืนยันว่าผลทับทิมมีสารประกอบตามธรรมชาติในกลุ่มแซนโทน  โดยเฉพาะ  Hydrolysable  Xanthones   หรือสารประกอบแซนโทนในกลุ่มที่สามารถละลายน้ำได้อยู่ในปริมาณมาก  ซึ่งให้ประโยชน์ที่ชัดเจนแก่ร่างกาย  ไม่เพียงแต่ในด้านการป้องกันการเข้าทำลายเซลล์เนื้อเยื่อจากสารอนุมูลอิสระ  แต่ยังสามารถลดสภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือด  ที่มีสาเหตุมาจากภาวะไขมันในเลือดสูง  ทับทิมจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพหัวใจและเส้นเลือดโดยตรง







มาทำความรู้จัก โกรทฮอร์โมน (HGH : Human Growth Hormones) ฮอร์โมนแห่งการเจริญวัย

โกรทฮอร์โมน หรือ HGH (Human Growth hormones) ฮอร์โมนแห่งการเจริญวัย


โกรทฮอร์โมน หรือ HGH เป็นฮอร์โมนที่หลังมาจากต่อมไร้ท่อ สร้างจากต่อมพิทูอิทารีภายใต้สมองของเรา เป็นฮอร์โมนแห่งการเจริญวัย ได้รับฉายาว่า “น้ำพุแห่งความหนุ่มสาว” HGH มีโปรตีนที่มีกรดอะมิโนอยู่มากมายถึง 191 โมเลกุล ฮอร์โมนนี้จะหลั่งได้ตลอดชีวิตของเรา แต่ในแต่ละช่วงอายุก็จะหลั่งได้ไม่เท่ากัน โดยระดับการหลั่งจะหลั่งออกมามากเป็นพิเศษในช่วงวัยเจริญเติบโตหรือวัยเจริญพันธุ์และเริ่มน้อยลงเมื่อเข้าสู่วัยชรา และจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆในการดำเนินชีวิต (เช่น โภชนาการอาหาร ความเครียด การนอนหลับ การออกกำลังกาย น้ำหนัก) ก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับโกรทฮอร์โมนในร่างกายของเรา



  จากการวิจัยพบว่า มีการหลั่งฮอร์โมน HGH ลดลงถึง 14% ในทุกๆ 10 ปีเลยทีเดียว ฮอร์โมนนี้แตกต่างจากฮอร์โมนชนิดอื่น เนื่องจากสามารถกระตุ้นทุกระบบในร่างกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีการเผาผลาญกิจกรรมของสมองและระบบการย่อยสลาย ฮอร์โมนนี้จึงมีผลต่อความอ่อนเยาว์ ความกระฉับกระเฉงของร่างกายเรานั่นเอง

HGH มีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของร่างกายเรา โดยเฉพาะวัยเด็กที่ต้องการการเจริญเติบโตมากเป็นพิเศษ ฮอร์โมนนี้ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของกระดูกให้แข็งแรงจนกระทั่งถึงช่วงอายุ 25 ปี เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น หากร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนนี้มาก จะทำให้เด็กเติบโตสูงสมวัย ไม่แคระแกร็น ช่วยเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกายแข็งแรง กล้ามเนื้อแน่น เสริมสร้างภูมิต้านทาน การพัฒนาการด้านสมอง คงความหนุ่มสาวและยังช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย



นอกจาก HGH แล้ว ในต่อมไร้ท่อยังผลิตฮอร์โมนตัวอื่นๆอีกมากมาย ดังนี้

1.ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone Hormone) เป็นฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตจากต่อมไฮโปทาลามัส ที่ไปกระตุ้นการสร้างฮอร์โมน จีเอ็น อาร์ เอช เพื่อไปกระตุ้นต่อมลูกหมากให้สร้างฮอร์โมนนี้ขึ้นมา ฮอร์โมนนี้จะมีการหลั่งมากสุดในช่วงเช้า ตี5 ถึง 7โมงเช้า ในเพศชายจะมีการลดลงเมื่อเข้าสู่อายุในช่วง 40-47 ปี จะลดลง 1% ในทุกๆปี ช่วงอายุนี้นั้นเองคือการเข้าสู่วัยทองในเพศชาย ประโยชน์ของฮอร์โมนนี้คือ ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ ควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง กระดูก เม็ดเลือดและอวัยวะเพศ แม้กระทั่งการเจริญเติบโตของหนวดเครา เส้นผม เสริมการทำงานของสมอง ด้านสติปัญญา ความสามารถในการเข้าใจและการเรียนรู้ HGHมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมฮอร์โมนนี้ จะสังเกตได้ว่า หากเราแก่ลง เมื่อผลิต HGH ได้น้อยลง ทำให้ร่างกายเรื่องเสื่อมสมรรถภาพ ผู้ชายจะเริ่มขาดฮอร์โมนนี้ และอาจพบปัญหาต่อมลูกหมากโตตามมาได้

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน ( Estrogen หรือ Oestrogen) เป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญที่สุดของเพศหญิง ผลิตจากรังไข่ ในเพศชายสามารถผลิตได้จากต่อมลูกหมากเช่นกัน แต่มีปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้มีหน้าที่ทำให้ผู้หญิงเป็นผู้หญิง มีเต้านม มีผิวพรรณนุ่มนวล เตรียมพร้อมสำหรับความเป็นเพศแม่ ฮอร์โมนตัวนี้มีผลกับทุกระบบในร่างกาย ช่วยเรื่องการควบคุมสมอง ในผู้หญิงวัยทองหรือสตรีที่มีการหมดประจำเดือนเป็นเวลานานกว่า 1 ปี หรือช่วงอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ซึ่งมักจะขาดฮอร์โมนตัวนี้ ทำให้มีอาการร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบ ไม่สบายตัว หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ดังนั้นเมื่อไปพบแพทย์จึงมักให้รับประทานฮอร์โมนตัวนี้เสริมเพื่อรักษาอาการวัยทอง นอกจากนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจนยังช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกายให้สมบูรณ์ สร้างความชุ่มชื่นให้แก่ช่องคลอดรวมทั้งบำรุงเส้นผมและผิวพรรณ อีกทั้งยังลดปัญหากระดูกพรุนได้อีกด้วย ฮอร์โมนตัวนี้ก็เกี่ยวเนื่องกับระดับ HGH เช่นเดียวกัน หาก HGH ลดต่ำ ก็จะทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนไม่สมดุล ส่งผลให้เข้าสู่วัยทองอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดปัญหาวัยทองหลายๆด้าน

3.  ฮอร์โมนคอร์ปัส ลูเทียม (Corpus Luteum Hormone) เป็นฮอร์โมนของเพศหญิงที่สำคัญตัวหนึ่ง เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญของเยื่อบุชั้นในของมดลูก เมื่อระหว่างที่มีประจำเดือน จะช่วยให้ผนังมดลูกหนาขึ้น ช่วยให้มดลูกเตรียมพร้อมที่จะให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วฝังตัว พร้อมสำหรับตั้งครรภ์ มดลูกมีการขยายตัวหรือเมื่อตั้งครรภ์แล้วจะกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณหน้าอกขยายใหญ่ขึ้น กระตุ้นให้ต่อมน้ำนมน้ำนมเจริญมากขึ้น จะรู้สึกคัดที่บริเวณเต้านม เต้านมขยายใหญ่ขึ้น ฮอร์โมนตัวนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยทองได้อีกด้วย

4. ฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Gland Hormone) ฮอร์โมนไทรอยด์จากต่อมไร้ท่อตัวนี้ หลายคนอาจจะคุ้นชื่ออยู่บ้างกับชื่อโรคไทรอยด์ ต่อมนี้จะอยู่บริเวณหน้ากระดูกคอ อยู่ด้านหน้าของกล่องเสียงติดกับบริเวณคอหอย เป็นต่อมไร้ท่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลักษณะเป็น 2 พูเชื่อมด้วยคอคอดหรืออิสมัส (isthmus) ที่ตรงกลาง ฮอร์โมนตัวนี้สามารถดึงไอโอดีนจากกระแสเลือดให้เจ้าสู่เซลล์ได้ ในเด็กทารกช่วยควบคุมการเจริญเติบโตและการทำงานของสมอง ช่วยควบคุมอวัยวะต่างๆและเนื้อเยื่อเจริญเติบโตและกลไกการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ให้เป็นปกติ หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้จะทำให้มีพัฒนาการช้าลง ร่างกายขาดสมดุล อาจอ้วนขึ้น ผิวพรรณและเส้นผมแห้ง ไม่แข็งแรงหรือมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากขึ้น

5. เมลาโทนิน (Melatonin) เป็นฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งที่ผลิตมาจากสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่เซลล์ไพเนียล (Pinealocytes) หลั่งมาจากต่อมไพเนียล (Pineal Gland) เป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลาง ฮอร์โมนตัวนี้ทำหน้าที่คล้ายยานอนหลับ ทำหน้าที่ช่วยประสานงานกันระบบนาฬิกาชีวภาพของร่างกายเรา ช่วยให้หลับสนิท คนที่ขาดการพักผ่อนมักจะขาดฮอร์โมนตัวนี้ เมื่อสมองได้รับการพักผ่อน จะมีประสิทธิภาพในการทำงาน ลดอาการอ่อนเพลีย อีกทั้งฮอร์โมนตัวนี้สามารถต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสื่อมในเซลล์และของเสียจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ในคนที่เดินทางบ่อยๆ ฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยลดอาการอ่อนเพลียจากการข้ามช่วงเวลา หรืออาการ Jet lag ได้

6. อินซูลิน (Insulin) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งในร่างกาย ผลิตจากเซลล์ตับอ่อน ชนิด ไอซ์เลท ออฟ แลงเกอแฮน (Islets of Langerhans) หรือเบต้าเซลล์ ทำหน้าที่นำน้ำตาลกลูโคสจากในกระแสเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการควบคุมการเผาผลาญพลังงานและควบคุมน้ำตาลส่วนเกินในตับไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมพลังงานในรูปของไกลโคเจน (Glycogen)ที่ตับ หากขาดฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากร่างกายขาดประสิทธิภาพในการนำน้ำตาลมาใช้ประโยชน์ได้ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และอาจมีการสลายสารอาหารโปรตีนและไขมันผิดปกติร่วมอีกด้วย ช่วยให้เซลล์ดูดซึมกลูโคสที่เกิดจากการเผาผลาญอาหาร

7. สเตรียรอยด์ (Dehydroepiandrosterone หรือ DHEA) เป็นฮอร์โมนที่มีมากที่สุดจากต่อมหมวกไต จัดเป็ฯกลุ่มฮอร์ดมนที่ช่วยชลอความแก่ได้เช่นกัน ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานร่างกายจากการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ช่วยควบคุมการทำงานของตับและอวัยวะต่างๆ ปรับสมดุลความดันโลหิตและช่วยสร้างฮอร์โมนเพศ เช่น เอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน ช่วยต้านการเกิดมะเร็งและลดความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานได้

ฮอร์โมนต่างๆจากต่อมไร้ท่อเหล่านี้ช่วยทำให้ร่างกายเราแข็งแรง ปรับความสมดุล และอีกคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้คือ ช่วยในเรื่องการชลอความแก่ได้ด้วย โดยเฉพาะฮอร์โมนที่เด่นในเรื่องนี้ที่สุดคือ HGH นั่นเอง จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น การหลั่งโกรทฮอร์โมน HGH จะลดลง เช่น เมื่อ อายุ 21 ปี ระดับฮอร์โมน HGH จะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องจนเมื่อย่างเข้าอายุ 40 ปี ระดับของฮอร์โมนนี้จะต่ำลงจนไม่สามารถมีบทบาทในการควบคุมการทำงานของเซลล์ในร่างกายส่วนต่างๆ เช่น ผิวหนัง เนื้อเยื่อสมองและอวัยวะสำคัญส่วนอื่นๆ เมื่ออายุ 70 ปี อวัยวะต่างๆในร่างกายจะมีการทำงานที่ลดลงไปอีก ถึง 30% เช่น สมอง ตับ หัวใจ เสื่อมสมรรถภาพไปตามกาลเวลา ทั้งความสามารถในการทำงาน ภูมิต้านทานในการป้องกันตนเองจากเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมภายนอกลดลง การผลิตฮอร์โมนต่างๆ โดยเฉพาะ HGH ลดลงอย่างมา จนเมื่ออายุเข้า 90 ปี อวัยวะบางส่วนเริ่มทำงานไม่ปกติหรือหยุดการทำงาน สมองฝ่อหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าเด็กอายุ 3 ปี ระบบประสาทต่างๆเสื่อมลง

จากการวิจัยทดลองพบว่า หากได้รับสารอาหารที่บำรุงการให้สามารถหลั่ง HGH ได้สูงเป็นเวลาติดต่อกันนาน 6 เดือน จะทำให้ร่างกายเราได้รับฮอร์โมน HGH ที่เพียงพอและจะทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ต้านทานโรคต่างๆได้ดี คืนความเป็นหนุ่มสาวได้ถึงอย่างน้อย 10 ปีเลยทีเดียว

สัญญาณแห่งความชรา…หาก HGH เริ่มลดลง?

ร่างกายคนเราเริ่มผลิตโกรทฮอร์โมน HGH จากต่อมใต้สมอง ในช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี ได้สูงที่สุดเพื่อให้สัมพันธ์กับการเจริญเติบโตของร่างกาย เมื่ออยู่ในครรภ์มารดา ปริมาณ HGH จะสูงขึ้นมากที่สุด และจะเริ่มลดลงเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเด็กตามลำดับ พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมน HGH จะกลับมามากขึ้นอีกครั้ง ฮอร์โมนนี้จะหลั่งในขณะที่เรานอนหลับ ช่วยกระตุ้นการยืดตัวทำให้สูงขึ้น แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่มักจะนอนดึกหรือทานอาหารที่มีประโยชน์น้อย ทำให้การหลั่งฮอร์โมนนี้ไม่ค่อยเพียงพอต่อความต้องการนัก เมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป การหลั่งฮอร์โมน HGH จะลดลง 40 % ของฮอร์โมนที่หลั่งในคนอายุ 20 ปี ในบางรายอาจจะไม่มีการหลั่งฮอร์โมนออกมาเลยก็ได้ เมื่อร่างกายขาดฮอร์โมนนี้ ทำให้เสียความสมดุล การทำงานของอวัยวะต่างๆลดลง อ่อนแอ และทำให้เกิดโรคต่างๆได้ง่าย และที่สำคัญคือ ความชราจะเริ่มตามมานั่นเอง

ความแก่ชราเกิดจากอะไร….?

ความชรานั้น นอกจากจะมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว อาจเกิดจากพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันที่เป็นตัวเร่งให้เกิดความชราขึ้นได้เร็วขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า ทำอะไรย่อมได้อย่างนั้น หรือ กินอะไรย่อมได้อย่างนั้น เป็นต้น จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่ในชีวิตประจำวัน ทั้งการทำงาน การรับประทานอาหาร แม้กระทั่งการนอน ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดความชราทั้งสิ้น บางคนชอบรับประทานแอลกอฮอล์มากเกินไปหรือติดสิ่งเสพติด เช่น การสูบบุหรี่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ช่วยเร่งให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ดูแก่ก่อนวัยอันสมควรได้ หรือเกิดจากการที่ขาดการออกกำลังกาย ความเครียดจากการทำงาน การใช้ยาที่มากเกินขนาด แม้แต่ปัญหาครอบครัว ทำให้สุขภาพจิตเสีย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความชราเร็วได้ทั้งสิ้น

จะรับมืออย่างไรกับความชราที่เกิดขึ้น..

ความชรานั้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราจะรับมือกับความชราได้อย่างไร คนเรามักมีความกลัวการที่ต้องเสียชีวิตจากความชราหรือการเป็นคนแก่ที่โดนทอดทิ้ง ต้องกลายเป็นคนไร้ค่า เมื่อคนเราเริ่มเข้าสู่วัยชรา สิ่งเหล่านี้มักมาพร้อมกับวัยชราเสมอ นั่นคือความเจ็บป่วย โรคต่างๆมักจะมารุมเร้ามากมาย เช่น โรคกระดูก โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต เบาหวาน ความดันโลหิต มะเร็ง ความจำเสื่อม อัลไซเมอร์ เป็นต้น อีกทั้งสิ่งกระตุ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันช่วยให้โรคเหล่านี้เกิดได้เร็วขึ้นอีกด้วย แต่สิ่งเหล่านี้เราสามารถป้องกันได้ด้วยการเข้าใจในความชราอย่างถูกต้อง ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ถูกสุขอนามัย ป้องกันตัวตั้งแต่ยังไม่เกิด จะทำให้มีอายุยืนยาวอีกหลายปี ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บใดๆ คนเรานั้นหลีกหนีความตายไม่ได้ แต่สามารถชะลอความชราและมีความสุขไปกับการชราอย่างมีคุณภาพได้แน่นอน

วิธีชะลอความชรา
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้วิทยาการทางการแพทย์พัฒนามากขึ้น มีการค้นพบการรักษาโรคและตัวยาใหม่ๆเพื่อป้องกันและรักษาโรค รวมถึงการชะลอความแก่ชรา แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยและการใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาและรักษาควบคู่ไปด้วย เชื่อกันว่า การที่บางคนดูแก่ก่อนวัยอันสมควรหรือดูเด็กกว่าวัยนั้น แสดงว่า บางครั้งหน้าตากับอายุอาจจะไม่ตรงกับความจริงได้ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า การฟื้นฟูความเป็นหนุ่มเป็นสาวและความชรานั้นสามารถรักษาได้ง่ายกว่าโรคอื่นๆ มีการศึกษามากกว่า 28,000 ชิ้น ถึงผลของ Human Growth Hormone (HGH) หรือโกรทฮอร์โมนที่มีผลช่วยฟื้นฟูความหนุ่มสาวและชะลอความชรา ในการทดลองกับกลุ่มคน โดยให้ใช้ HGH ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน มีการชะลอความชราได้ 10-20 ปีเลยทีเดียว โดยการสังเกตเซลล์เนื้อเยื่อที่มีการสร้างเพิ่มขึ้นใหม่และมีมวลไขมันลดลง จึงสรุปได้ว่า HGH นั้นสามารถช่วยชะลอความชราได้ และมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากผ่านการทดสอบและวัดผลทางการแพทย์แล้ว

เมื่อร่างกายเรามีการหลั่ง HGH ลดลง ความชราก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยสังเกตจากอาการเริ่มแรก คือ มีผมขาวหรือผมหงอกก่อนวัย พลังงานเริ่มลดน้อยลง สมรรถภาพในการทำงานถดถอย เหนื่อยง่าย ขยับร่างกายไม่กระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อน มีความเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไขมันก่อตัวเพิ่มขึ้น กระดูกพรุน เริ่มตรวจพบโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับระบบหลอดเลือดต่างๆ เป็นต้น  แต่อาการเหล่านี้อาจพบได้ในคนวัยหนุ่มสาวที่มีการขาดโกรทฮอร์โมนเช่นกัน เมื่อคนเราอายุมากขึ้น การผลิตโกรทฮอร์โมนหรือ HGH ลดลง ถึง 40% ของคนอายุ 20 ปี โกรทฮอร์โมนนั้นจะผลิตในขณะที่เรานอนหลับ มีการหลั่งในชั่วโมงแรกหลังจากที่หลับสนิท และจะถูกส่งไปยังตับเพื่อเปลี่ยนเป็นสารคล้ายอินซูลิน (Insulin like growth factor-1 หรือ IGH-1) หรือโซมาโตเมดิน (Somatomedin) นำไปใช้ในร่างกายเพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อนั่นเอง จากการวิจัยจากวารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England) พบว่า การทดลองให้คนอายุ 65 ปี แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือได้รับ HGH และไม่ได้รับ HGH ผลคือกลุ่มที่รับ HGH ทำให้ผมที่เคยหงอกลดลง เริ่มกลับมาดกดำขึ้น ในบางรายมีการลดลงของรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและตามร่างกาย อีกทั้งมีสมรรถภาพทางเพศที่เพิ่มขึ้นด้วย ความเสื่อมจากความชราลดลง ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้รับ HGH จะมีความชราตามปกติโดยไม่มีการฟื้นฟูที่ดีขึ้น

มีรายงานจากโรงพยาบาล St.Thomas กรุงลอนดอน พบว่าการให้คนไข้ที่เป็นโรคคุชชิ่งซินโดรม (Cushing’s Syndrome) ที่มีอาการของโรคหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) ที่มีอาการทรุดลงจนต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเนื่องจากไม่เคยได้รับการรักษาใดๆมาก่อน ได้รับ HGH ผลที่ได้คือหัวใจเริ่มกลับมาเต้นเป็นปกติและมีการไหลเวียนของระบบเลือดดีขึ้น อาการของผู้ป่วยดีขึ้นเรื่อยๆใน 3 เดือนและไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจอีก

การค้นพบเหล่านี้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางการแพทย์อีกทางหนึ่ง เนื่องจากเกือบทุกรายที่รับการทดลองด้วยการรับ HGH เพิ่ม จะมีร่างกายที่ดีขึ้น มีพลังงานและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง มีความกระฉับกระเฉง รู้สึกสดชื่นขึ้นในเพียงสัปดาห์แรกที่ได้รับ HGH และมีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใน 6 เดือนต่อมา สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า HGH มีความสำคัญในการต้านความชราและโรคภัยไข้เจ็บได้ เนื่องจาก HGH เป็นสารที่ช่วยลดความเสื่อมในร่างกาย ช่วยต่อสู้ความชรา เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น โปรตีนในเซลล์จะมีความเสื่อมเพิ่มมากขึ้น สารอนุมูลอิสระที่เกิดจากการทำงานของเซลล์ ช่วยปกป้องเซลล์โดยการกำจัดสารที่ทำลายโปรตีน จึงช่วยฟื้นฟูร่างกายให้เข้าสู่ภาวะปกติ มีพลังชีวิตและการทำงานของสมองที่เพิ่มขึ้น เร่งสร้างเนื้อเยื่อเพื่อให้คงความเป็นหนุ่มสาวและคงความมีอายุยืนนานไว้

นอกจากนี้ HGH ยังมีความพิเศษอีกมากมาย ดังนี้

HGH กับผลด้านจิตใจ
ฮอร์โมนนี้ช่วยปรับอารมณ์และเสริมความแข็งแกร่งด้านจิตใจ โกรทฮอร์โมนมีส่วนช่วยเพิ่มพลังงาน ทำให้เราหลับได้สนิท เมือตื่นนอนก็สดชื่น พร้อมทำงานในวันรุ่งขึ้น รู้สึกสงบเยือกเย็นลง จากรายงานของ Johannsson พบว่า โกรทฮอร์โมนมีผลต่อสารสื่อประสาท (Neuro-transmitter) เช่น B-Endorphin ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารระงับความปวดที่ดี ลดระดับของโดพามีน (Dopamine) ที่มีผลต่อความุรนแรงของอารมณ์
HGH มีผลคล้ายยาแก้ซึมเศร้า (Anti-depressant) และไม่มีผลข้างเคียง ช่วยลดความเครียด มีสมาธิมากขึ้น ฟื้นฟูความจำและเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ จากการศึกษาของนายแพทย์ Jan Berend Deijiem และกลุ่มวิจัยชาวดัทช์ พบว่าโกรทฮอร์โมนมีผลช่วยในเรื่องความจำ หากขาด HGH ไป จะทำให้มีการด้อยพัฒนาในส่วนของความจำระยะสั้นและระยะยาว ความสามารถของระบบประสาทตาและความสัมพันธ์การทำงานของมือจะแย่ลง ในผู้ป่วย ถ้ามี IGF-1 ลดน้อยลง จะทำให้มีผลต่อการรับรู้และสติปัญญาได้

HGH กับผลทางด้านกล้ามเนื้อ
HGH ช่วยเพิ่มความสามารถทางด้านกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมกล้ามเนื้อและเพิ่มความคงทน ในการการออกกำลังกาย ความอึดของร่างกายมีมากขึ้น วารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England) มีการศึกษาในคนอายุ 60-80 ปี พบว่า มีการเพิ่มของกล้ามเนื้อ ทั้งปริมาณและความหนาแน่น นายแพทย์ L. Cass Terry กล่าวว่า HGH สามารถลดไขมันได้ภายใน 2 เดือน 88% ของผู้ที่ได้รับ HGH พบว่าช่วยเพิ่มขนาดและความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ทำให้ทนทำงานหนักและออกกำลังกายได้นานขึ้นและทนต่อแรงกดดันจากการทำงานได้ดี ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็มีอาการดีขึ้น จากที่ต้องนั่งรถเข็น หรืออยู่แต่ในบ้าน ก็สามารถออกมาข้างนอกได้มากขึ้น มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อดี ป้องกันโรคข้อเสื่อมก่อนวัย ผู้สูงอายุสามารถยืนได้เอง
ในนักกีฬา HGH lมารถช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬาได้ ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ในผู้สูงอายุที่มีอาการของโรคความดันโลหิตสูงและกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ การได้รับโกรทฮอร์โมนเพิ่มนั้น ช่วยฟื้นฟูและป้องกันโรคต่างๆเหล่านี้ได้อีกด้วย

HGH กับผลด้านสมรรถภาพทางเพศ
ชายสูงอายุ 80 ปี จะประสบปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ ถึง 85% โดยการศึกษาค้นคว้าของ L. Cass Terry และ Edmune Chein โดยศึกษาจากคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ 1,290 คน พบว่า 2 ใน 3 ของผู้รับการบำบัด เมื่อได้รับ HGH จะมีสมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น แสดงว่า HGH มีผลต่อสมรรถภาพทางเพศในทั้งหญิงและชาย

HGH กับผลด้านไขมันและมวลกล้ามเนื้อ
HGH มีผลในการช่วยลดไขมันและช่วยลดน้ำหนัก ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ในบางรายเมื่อได้รับ HGH จะน้ำหนักไม่ลดแต่ไขมันจะถูกขับออกและมีการสร้างมวลกล้ามเนื้อเข้าไปแทนที่ในปริมาณที่เท่ากัน ทำให้ร่างกายฟิตและเฟิร์มขึ้นกว่าแต่ก่อน HGH ช่วยกำจัดไขมันได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย ถ้ามีการเสริมอาหารที่มีเส้นใยในการควบคุมน้ำหนักเพิ่มด้วย จะช่วยเสริมให้ HGH มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างมาก

HGH กับผลด้านผิวพรรณและความเรียบเนียนของผิว
HGH ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นเหมือนดังผิวของคนหนุ่มสาว ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยเหี่ยวย่นบนผิวหน้าและตามร่างกาย ลดรอยตีนกา ช่วยฟื้นฟูให้กลับมาหนุ่มสาวได้อีกครั้ง

HGH กับผลด้านกระดูก
HGH มีผลช่วยต้านภาวะกระดูกพรุน เนื่องจาก HGH ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ภาสวะกระดูกพรุนนั้น เราควรมีการป้องกันตั้งแน่เนิ่นๆ เพราะเมื่อเราเข้าสู่วัยชรา ภาวะนี้จะมาด้วยตามวัย นายแพทย์ Gudmundur Johansson มีการทดสอบในกลุ่มคนอายุระหว่าง 23-66 ปี พบว่า มีปัญหาขาด GH อย่างมาก แต่หลังจากได้รับ HGH เพิ่มเป็นเวลา 2 ปี พบว่ามีความหนาแน่นของมวลกระดูกที่เพิ่มขึ้น พบที่กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน มีแคลเซียมในกระดูกมากขึ้น ลดการแตกหักของกระดูกได้ดี GH จะไปกระตุ้นเซลล์กระดูก ชนิด Osteoblast เพื่อทำการสร้างเซลล์กระดูก อีกทั้งยังช่วยให้วิตามินบี 3 เข้าไปจับแคลเซียมเพื่อให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันกระดูกแตกง่ายได้อีกด้วย ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะเพิ่มขึ้นได้เหมือนเดิมภายใน 2 ปี และมีผลดีที่เกี่ยวพันกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue) ได้ภายใน 1 สัปดาห์

HGH กับผลด้านการป้องกันโรคหัวใจ
HGH ช่วยกระตุ้นการสูบฉีดเลือดของหัวใจ (Cardiac output) ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ออกกำลังกายได้มากขึ้น ลดภาวะความดันโลหิตสูง ปรับสมดุลของคอเลสเตอรอล ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดได้ วารสารทางการแพทย์ นิวอิงแลนด์ (New England) พบว่ามีการเสียชีวิตจากการวูบหมดสติ (Stroke)  ถึง 1.5 ล้านคน หากเราได้รับ HGH เพิ่มจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้มากขึ้น ช่วยลดภาวะความดันโลหิตช่วงล่าง (Diastolic Pressure) ได้ถึง 10% หลังจากได้รับเพียง 6 เดือน
ด้านการทดลองกับสัตว์ พบว่า HGH สามารถช่วยป้องกันอาการเซลล์ตายหลังจากเกิดการวูบหมดสติหรือหัวใจวาย (Stroke) ได้ เมื่อคนเรามีอายุที่มากขึ้น อวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง จะฝ่อเล็กลงได้ เพราะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ดี ได้รับพลังงานมากขึ้น มีประสิทธิภาพในการทำงาน ความดันเป็นปกติ เมื่อการเผาผลาญเป็นปกติ การสะสมไขมันในบริเวณหน้าท้องก็จะลดลง ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลต่ำ สุขภาพจะค่อยๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดใน 1 เดือนแรกและต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน จนครบ 2 ปี
การได้รับ HGH นั้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของหัวใจ จึงลดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดได้ ระดับโคเลสเตอรอลกลับมาเป็นปกติเพราะไปช่วยลดไขมันเลว (LDL) ลง ช่วยเพิ่มไขมันดี (HLD) ลดความดันช่วงล่าง (Diastolic pressure) ได้ถึง 10% ช่วยให้ความเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันน้อยลง จากการวิจัยในวารสารทางการแพทย์นิวอิงแลนด์ (New England) โดยการทดสอบกับผู้ป่วยโรคหัวใจ 7 ราย พบว่ามีการเพิ่มออกซิเจนให้กับหัวใจ ทำให้ผนังกล้ามเนื้อหนาขึ้นในหัวใจห้องด้านซ้าย (Left Ventricular Wall) สิ่งเหล่านี้ทำให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดได้ดีขึ้น ผู้ป่วยมีการออกกำลังกายได้มากกว่าก่อนและมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาก

HGH กับผลด้านการทำงานของปอด
จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การได้รับ HGH เพิ่มทำให้มีประสิทธิภาพในด้านพลังงานของร่างกายมากขึ้น ทำงานได้มากขึ้น เนื่องจากปอดสามารถทำงานได้ดีขึ้นด้วยนั่นเอง HGH ช่วยเพิ่มอัตราการสูบฉีดเลือดของหัวใจ มีการวิจับจาก David Clemmons หัวหน้าแผนกต่อมไร้ท่อแห่งมหาวิทยาลัย แพทย์ North Carolina พบว่าการเพิ่ม HGH ให้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาทางด้านการทำงานของปอด ภายใน 3 สัปดาห์ พบว่ามีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การหายใจดีขึ้น อาการเหนื่อยหอบลดลง ในการวิจัยกับผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง พบว่ามีผลที่ดีเช่นกัน

HGH กับผลด้านการเพิ่มพลังงาน
HGH ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบัน เพราะเมื่อสภาพอารมณ์ทางด้านจิตใจดีขึ้น พลังงานในการทำงานก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ผู้สูงอายุมักจะมี HGH ลดลง ทำให้ประสิทธิภาพของอวัยวะต่างๆในร่างกายเสื่อมถอย ส่งผลต่อการทำงาน เมื่อรับ HGH จะช่วยป้องกันเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บ ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่เซลล์ ฟื้นฟูอวัยวะที่เสื่อมถอยไปตามกาลเวลาและมีผลทางด้านจิตใจอีกด้วย Dr. Bengtsson ทดสอบกับผู้ป่วยหลังพบว่าได้ผลดี ลดอาการอ่อนเพลียจากใช้ HGH เพียงไม่กี่วันเท่านั้น และมีอาการดีขึ้นภายใน 6 เดือน

HGH กับผลด้านการฟื้นฟูระบบภูมิต้านทานร่างกาย
เมื่อระบบภูมิต้านทานในร่างกายดีขึ้น จะสามารถป้องกันโรคต่างๆที่จะเข้ามาในร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป ที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้น้อยมากหรืออาจจะไม่มีภูมิต้านทานแล้วก็ตาม สามารถกลับมามีภูมิต้านทานเทียบกับคนอายุ 20 ปีได้ โดย HGH จะไปซ่อมแซมระบบภูมิต้านทาน ปรับสมดุล DHA ช่วยให้หลั่งสารอินซูลินที่มาจากต่อมไร้ท่อในร่างกายเพื่อกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆ ปรับสมดุลชีวเคมีในสมอง ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เพิ่มระดับของ IGF-1 ในร่างกาย ผู้ที่มี HGH ต่ำ มีผลกระทบต่อภูมิต้านทานในร่างกาย ทำให้ไม่สบาย ผิวหนังเหี่ยวย่นแก่ก่อนวัยอันสมควร เมื่อสุขภาพไม่ดีอายุก็จะไม่ยืนยาว การเพิ่มการหลั่ง HGH ให้สูงขึ้น ผิวพรรณจะกลับมาสดใสภายในไม่กี่สัปดาห์ ช่วยชะลอความชราได้ สุขภาพดีขึ้น มีพลังในการใช้ชีวิต เมื่อระบบภูมิต้านทานในร่างกายดีขึ้น การควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายจะกลับสู่ภาวะปกติ ทั้งสมอง ตับ หัวใจ กระดูก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้มีอายุที่ยืนยาวได้อีกนาน

HGH กับผลด้านการมองเห็น
ผู้สูงอายุมักมีปัญหาทางด้านสายตาควบคู่กัน เพราะร่างกายเสื่อมสภาพลงรวมไปถึงเลนส์สายตา ที่ขาดความยืดหยุ่น ผู้สูงอายุ 80 ปี จะมีสายตาที่เสื่อมถอยลงกว่าคนอายุ 20 ปี ถึง 3 เท่า เมื่อร่างกายได้รับ HGH จะทำให้สายตาดีขึ้น มีการมองเห็นที่ชัดเจนขึ้นภายใน 1 เดือนและดีขึ้นเรื่อยใน 6 เดือนต่อมา

HGH กับผลด้านการนอนหลับ
ร่างกายจะสามารถหลั่งสารโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้เองในช่วงที่เรานอนหลับ แต่คนที่มีปัญหาทางด้านการนอนไม่หลับ เป็นโรคนอนไม่หลับหรือต้องอดนอนบ่อยๆ ร่างกายจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนนี้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในช่วงเวลานั้นได้ เมื่อตื่นนอนก็ไม่สดชื่น กระทบต่อการทำงานในวันรุ่งขึ้น การได้รับ HGH เพิ่มเติมนั้น ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น ร่างกายก็จะผลิตโกรทฮอร์โมนเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงได้

HGH กับผลด้านการความจำ
ผู้สูงอายุจะมีปัญหาทางด้านความจำ หลงๆลืมๆ ความจำเสื่อมรวมไปถึงการเป็นอัลไซเมอร์ Dr. Jan Berend Deijen และคณะนักวิทยาศาสตร์ชาวดัทช์ พบว่าผู้ที่มี HGH ต่ำกว่าปกตินั้น จะสูญเสียความทรงจำในระยะสั้น ความสัมพันธ์ระหว่างตาและมือลดลง รวมไปถึงการมีผลต่อความจำระยะยาวอีกด้วย IQ ก็จะต่ำลง การเสริม HGH เข้าไปนั้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการตื่นตัวมากขึ้น กระตือรือร้น มีการจดจำที่ดี อาการหลงๆลืมๆน้อยลง มีสมาธิดีขึ้น สามารถโต้ตอบต่อสิ่งเร้าได้เร็วขึ้น ความทรงจำฟื้นกลับมาปกติ
ในการวิจัยที่มหาวิทยาลัย Aukland ประเทศนิวซีแลนด์ เรื่องการเสริมโกรทฮอร์โมนให้เด็ก พบว่าเด็กมีพัฒนาการดีขึ้น IQ สูงขึ้น การเรียนรู้ รัยรู้ได้ดี ผลการเรียนดีขึ้น  และมีผลช่วยลดอาการเซลล์สมองตาย โดยเฉพาะสมองส่วนด้านความจำ ความคิดวิเคราะห์ได้ ในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ กล้ามเนื้อสมองฝ่อลีบ ระบบประสาทมาเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้ไม่ดี (Multiple sclerosis) เมื่อได้รับ HGH ช่วยให้ลดการสูญเสียของเซลล์ต่างๆในร่างกาย สมองทำงานได้ดีขึ้น กลับคืนสู่ความเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง

HGH กับผลด้านเร่งการหายของบาดแผล
Dr. Ronald Klatz ค้นพบว่า HGH ช่วยให้การหายของบาดแผลเร็วขึ้น เพราะไปช่วยกระตุ้นกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยฟื้นฟูบาดแผล สร้างเนื้อเยื่อให้ประสานกัน เนื้อเยื่อจะแข็งแรงขึ้น ผิวหนังยืดหยุ่นได้ดีช่วยทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น อีกทั้งฟื้นฟูการยึดติดของกระดุกในผู้ป่วยกระดูกหัก ในผู้ป่วยบาดแผลจากไฟไหม้ขั้นรุนแรงและแผลจากการผ่าตัด ได้ผลดี แผลหายเร็วขึ้น ผู้ป่วยที่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเร็วขึ้น

HGH ทำให้อายุยืนยาว
เมื่อร่างกายมีระดับ HGH ที่สูงขึ้น จะช่วยยืดอายุให้ยืนยาวได้ จากการทดลองในสัตว์ นักวิทยาศาสตร์ Dr. Khanasri และ Gustad แห่งมหาวิทยาลัย North Dakota State พบว่าการได้รับ HGH เพิ่มช่วยป้องกันการเกิดเชื้อโรคแปลกปลอมทำให้ร่างกายไม่เสื่อมสภาพง่าย ระบบภูมิต้านทานดี มีอายุที่ยืนยาวขึ้น

HGH ทำงานอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
1.ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยเร่งสร้างเนื้อเยื่อเพื่อมาสมานแผล
2.ช่วยเพิ่มสารเคมีในต่อมน้ำเหลือง ปรับสมดุลให้ดีขึ้น
3. เพิ่มขีดความสามารถของต่อมไร้ท่อ กระตุ้นการล้างสารพิษในร่างกาย ต่อต้านเชื้อไวรัส ขจัดสารพิษในร่างกายได้
4. ควบคุมการทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ ปรับสมดุลทางด้านอารมณ์ ช่วยให้กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง
5. เพิ่มกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ช่วยลดไขมัน เพิ่มไขมันดี ลดไขมันเลว ลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
6. เสริมสร้างการทำงานของหัวใจให้แข็งแรง กระตุ้นให้สร้างผนังหัวใจด้านซ้าย (Left Ventricular Wall) ให้หนาขึ้น กระสูบฉีดเลือดได้ดี
7. เสริมระบบภูมิต้านทานในร่างกาย ช่วยให้ T-Cell leucocyte และ interferon แข็งแรง ต่อต้านเชื้อไวรัสและเชื้อโรคต่างๆจากภายนอก ห่างไกลความเจ็บป่วย สุขภาพแข็งแรงขึ้น
8. เสริมการทำงานของตับและตับอ่อน ต่อต้านเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้
9. เพิ่มการทำงานของสมอง ทั้งด้านความจำ การเรียนรู้ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ลดอาการความจำเสื่อม
10. ช่วยเรื่องการนอนหลับ มีผลในการควบคุมประสาทส่วนกลาง ปรับสมดุลสมองเพื่อจัดลำดับเซลล์และสารเคมีในสมอง ลดความตึงเครียด ผ่อนคลายความกังวล ทำให้หลับได้สบายแล้วยาวนาน
11. ช่วยคืนความหนุ่มสาวให้แก่ผู้สูงวัย ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและตามร่างกาย ฟื้นฟูสภาพผิวหน้า กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวหนัง การสร้างเซลล์ผิวใหม่ ปรับสมดุล เพิ่มน้ำและความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดรอยตีนกา ทำให้ผิวหนังไม่หย่อนยานหรือเกิดริ้วรอยน้อยลง
12. ช่วยเรื่องปัญหาหัวล้านหรือการเกิดผมผงอก เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเคมีจากต่อมใต้สมอง ช่วยเพิ่มเอนไซม์ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีของเส้นผมและกระตุ้นรูขุมขนให้งอกผมใหม่ออกมา
13. ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เสริมอารมณ์ ปรับการทำงานของต่อมต่างๆในร่างกาย ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มฮอร์โมนเพศ อีกทั้งมีกำลังมากขึ้นด้วย

จะเห็นได้ว่าประโยชน์และผลของโกรทฮอร์โมน HGH (Human Growth hormones) หรือฮอร์โมนแห่งการเจริญวัยนั้นมากมาย หากมีการเพิ่มฮอร์โมนตัวนี้ลงไป จะทำให้ผู้สูงอายุกลับมาเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง ไม่เพียงแต่ผู้สูงอายุเท่านั้น ในทั้งเด็ก วัยรุ่นและผู้ใหญ่ ก็ควรได้รับฮอร์โมนตัวนี้เพิ่มเช่นกัน เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างส่วนต่างๆ ปรับสมดุลระบบในร่างกายให้คงที่ รับมือกับการทำงานในชีวิตประจำวันได้ดี ช่วยให้มีสุขอนามัยที่สมบูรณ์ มีชีวิตทียืนยาวได้อีกนาน

สนใจรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 092-645-4256 โค้ชเกมส์
หากบทความนี้มีประโยชน์ รบกวนกดไลท์ หรือแชร์ บล็อคด้วยครับ เพื่อเป็นกำลังใจ ในการรวบรวมข้อมูลมานำเสนอ

ProArgi 9 Plus ฟื้นฟูสุขภาพจากต้นตอปัญหาของโรค

ทฤษฏี การรักษาโรคในเชิงป้องกันและแก้ไขจากต้นเหตุของโรค


  การรักษาโรคในสมัยปัจจุบัน เป็นการรักษาโรคที่ปลายเหตุหรือเฉพาะจุด นอกจากนี้ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเต็มไปด้วยสารเคมี ซึ่งมีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยที่รักษาโรคอยู่ จึงทำให้ผู้ป่วยรักษาตัวให้หายจึงใช้เวลานานและเสียค่าใช้จ่ายมากเกินความจำเป็น ทำให้เสียงบประมาณของแผ่นดินอันไม่ควรจะเป็น ดังนั้น จึงได้มีการคิดค้นทฤษฎีในการรักษาโรคแบบสมัยที่ใช้เวลาอันสั้น เสียค่าใช้จ่ายน้อย สะดวกและไม่มีผลข้างเคียง ต่อผู้ป่วย ซึ่งมีที่มาที่ไปดังต่อไปนี้
สาเหตุที่แท้จริงในการเกิดโรคส่วนของคน ส่วนใหญ่เกิดเพียงสาเหตุเดียว คือ ความเสื่อมหรือความผิดปกติในการทำงานของต่อมใต้สมองเท่าเอง โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรานั้น มีระบบต่อมใต้สมองที่ชื่อว่า “ต่อมพิตูอิทารี” ควบคุมระบบการเจริญเติบโตทั้งหมดของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโตของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ด้วยการผลิต โกร๊ธ ฮอร์โมน (Growth hormone) ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ นอกจากนี้ยังผลิตฮอร์โมนควบคุมระบบต่อมต่างๆดังนี้

1) Growth Hormone เป็นฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย โดยเฉพาะ กระดูกและกล้ามเนื้อ
2) Thyroid Stimulating Hormone เป็นฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้สร้าง ไทร็อกซินเพิ่มขึ้น
3) Gonadotrophic Hormone เป็นฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเซลล์สืบพันธุ์
4) Antidiuretic Hormone เป็นฮอร์โมนช่วยในการดูดน้ำกลับของท่อไต เพื่อรักษา ระดับน้ำของร่างกาย
5) Melatonin เป็นฮอร์โมนกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น




ตามปกติส่วนใหญ่แล้วคนเราจะป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ด้วยสาเหตุอย่างเดียวคือ ต่อมพิตูอิทารี เสื่อมหรือทำงานผิดปกติเท่านั้นเอง จึงทำให้เกิดโรคชรา โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเก๊าส์ ฯลฯ แม้กระทั่งโรคมะเร็ง ซึ่งคนเราอายุ 1-22 ปี จะไม่ค่อยเป็นโรค เพราะระบบต่อมพิตูทารี ทำงานได้ดีอยู่ เซลล์และอวัยวะต่างๆทำงานได้ดีอยู่ เซลล์แข็งแรงสามารถต้านทานเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อคนเราเข้าสู่อายุ 23 ปีขี้นไป จะเข้าสู่วัยชราเพราะต่อมพิตูทารีทำงานได้น้อยลง ผลิต โกร๊ธฮอร์โมนได้น้อยลง ทำให้ร่างกายนอกจากจะเกิดความชรา ผมหงอก ผิวเหนี่ยวหย่อนยาน ฯลฯ แล้ว จะเห็นได้ว่าคนเราจะมักป่วยเป็นโรคบ่อยๆ ในวงการแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก่อนได้ส่งเสริมให้ผู้คนทาน โกร๊ธฮอร์โมน เพื่อละลอความชรา คงความหนุ่มสาวและร่างกายต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้ดี

ต่อมาได้มีการค้นพบ แอลอาร์จีนิน (L-arginine) ซึ่งเป็นวัตถุดิบเริ่มต้น ในการเกิดปฏิกิริชีวเคมีที่เรียกว่า Pathway L-Argnine

การค้นพบคุณสมบัติ ไนตริกออกไซด์ (NO) ตาม Pathway L-Argnine นี้โดยนักวิทยาศาสตร์ คือ Feric murad ,Robert forgot,Lious iniro ได้รับรางวัลโนเบล ค.ศ. 1998 อันเป็นรางวัลอันทรงเกียรติและสูงสุดของมวลมนุษยชาติ คุณสมบัติ ไนตริกออกไซด์ (NO) ซึ่งได้ชื่อว่า “เป็นวีระบุรุษร่างกาย” ทำให้เส้นเลือดเหนียวและทำให้เส้นเลือดขยายตัว จับไขมันส่วนเกินในเส้นเลือด และต้านอนุมูลอิสระสามารถนำคุณสมบัตินี้ สามารถบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยในการขยายหลอดเลือด ลดสภาวะตึงเครียดของหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ ดูแลและซ่อมการไหลของเลือด ช่วยทำให้การสูบฉีดเลือดในร่างกายให้เป็นปกติ




 โกร๊ทฮอร์โมนประกอบด้วยกรดอะมิโน 191 โมเลกุลเรียงต่อกันเป็นสายยาว โดยมีกรดอะมิโน 191 ตัวแบ่งเป็น 22 ชนิด ดังนั้น หากจะสร้างโกร๊ทฮอร์โมน ในร่างกายก็ต้องใช้สารตั้งต้น ซึ่งจะต้องเรียงกรดอะมิโนให้ถูกต้อง   ร่างกายจะนำไปสร้างเป็นโกร๊ทฮอร์โมนได้

ซึ่งแพทย์ด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ (Antiaging medicine)ได้ทำการศึกษาวิธีการต้านความชราในมนุษย์โดยใช้โกร๊ทฮอร์โมนกันมาอย่างละเอียดแล้ว จึงทำให้เราได้รู้ว่า 22 กรดอะมิโนชนิดใดบ้างที่จะเป็นสารตั้งต้นที่ดีในการสร้างโกร๊ทฮอร์โมน โดยเริ่มจาก




-แอลอาร์จีนิน(L-Argnine ) เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องกินเข้าไป กลไกของ L-Argnine  กระตุ้นให้ต่อมพิตูทารี สร้าง โกร๊ท ฮอร์โมนมากขึ้น โดยไปยับหยั้ง ฮอร์โมน โซมาโตแสตนติน (Somatostantin) ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้ทำให้เกิดความชราให้กับร่างกาย เช่น ผมหงอก ผิวหย่อนยาน เป็นต้น นอกจากนี้ ตามรูป Pathway ยังเป็นตัวเริ่มต้นให้เกิดกรดอะมิโนตัวอื่น

-ออร์นิทีน (Ornithine) เป็นกรดอะมิโนลูกของอาร์จินิน (Son of Arginine)
 จากรูป ออร์นิทีน (Ornithine) ถูกสร้างจากอาร์จินินแต่ให้ประสิทธิภาพแรงกว่าถึง 2 เท่า ในปริมาณที่เท่ากัน เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายอาร์จินินจึงให้ผลในการต้านความชราเช่นเดียวกัน มีรายงานว่าสามารถทำให้เซลล์ตับที่เสียหายกลับคืนมาดีได้ในสัตว์ทดลอง นอกจากนั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ต้องใช้ร่วมกับกรดอะมิดนให้ถูกชนิดเช่น กับ อาร์จินิน ไลซีน หรือกลูตามีน

-ไลซีน (Lysine) เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยสร้างกระดูก,เพิ่มความสูงและบำรุงระบบสืบพันธุ์ นักวิจัยโดยให้ไลซีนร่วมกับอาร์จินินพบว่าได้ประสิทธิภาพเพิ่มเป็น 2 เท่าของการให้แต่เพียงอาร์จินิน และผลจะออกมาดีมากถ้าอยู่ในรูปรับประทาน นอกจาก เพิ่มระดับฮอร์โมนจากต่อมไทมัส ซึ่งเสื่อมไปแล้วของสัตว์และมนุษย์ได้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ซึ่งทำให้เชื้อฉวยโอกาสต่าง เช่น ไวรัสเริม นั้นไม่เกิดขึ้น วิธีใช้ไลซีนให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือใช้ร่วมกับอาร์จินีน ,ออร์นิทีนและ กลูตามีน

-กลูตามีน (Glutamine) กรดอ่ะมิโนที่ปริมาณมากที่สุดในร่างกาย จัดเป็นกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับร่างกาย และถือว่าเป็นน้องใหม่ล่าสุดที่มีการค้นพบว่าช่วยกระตุ้นการหลั่งโกร๊ธฮออร์โมนอันเนื่องมาจากการศึกษาโดย โทมัส ซี.เวลบอร์น ใน ค.ศ.1995 พบว่าการให้รับประทานกลูตามีนในปริมาณเล็กน้อยพียง 2 กรัมก็สามารถเพิ่มระดับโกร๊ธฮออร์โมนได้มากกว่า 4 เท่า และที่น่าทึ่งที่สุดคือแม้ ในอายุมากกว่า60ปี กลูตามีนก็ยังสามารถกระตุ้นโกร๊ธฮออร์โมนได้ มีเพียงรายเดียวจากงานวิจัยที่กลูตามีนไม่มีผลใดๆ คือสตรีรูปร่างอ้วนรายหนึ่ง

ผลในการต้านความชรานั้น กลูตามีนเป็นตัวหระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่สำคัญในช่วงที่ร่างกายเครียดไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ นอกจากนั้นในผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ กลูตามีนจหะช่วยไม่ให้มวลกล้ามเนื้อที่สร้างไว้ฝ่อลงไปให้ระคายเคืองใจ โดยกลไกคือกลูตามีนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อตั้งแต่ในระดับดีเอ็นเอการแบ่งตัวของเซลล์นอกจากนั้นมันยังสามารถผ่านปราการสมอง

(Blood Brain Barrier) เข้าสู่ระบบประสาทได้อย่างสบายๆเมื่อมีผลดีมากมายเช่นนี้จึงมีผู้ใช้ระดับกลูตามีนในเลือดที่สูงเป็นตัวชี้บ่งว่าบุคคลนั้นๆ มีสุขภาพดีเพียงใด มีการเก็บข้อมูลในผู้มีอายุเกินกว่า 60 ปี พบว่าถ้ามีระดับกลูตามีนในเลือสูงจะพบการเจ็บป่วยน้อยกว่า, ระดับโคเลสเตอรอลไม่สูงรวมไปถึงความดันโลหิตที่ดีด้วยและที่สำคัญทุกคนพูดตรงกันว่า “รู้สึกไม่แก่เลย” ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้ที่มีระดับกลูตามีนในเลือดต่ำจะพบโรคที่เกิดจากความเสื่อมมากกว่า เช่น โรคเบาหวาน, ข้ออักเสบ และโรคหัวใจ

ซิทรูลีน (อังกฤษ: Citrulline)

การทำงาน

arginine เปลี่ยน ไปเป็นซิทรูลีน โดยกระบวนการ citrullination หรือ deimination โปรตีนที่มีซิทรูลีน ได้แก่ โปรตีนในไมอีลิน (myelin basic protein) (MBP) filaggrin และโปรตีนฮิสโตนหลายตัว ในขณะที่ fibrin และ vimentin จะเกิด citrullination ระหว่างการตายของเซลล์และการอักเสบของเนื้อเยื่อ หน้าที่ไม่ทราบแน่ชัด อาจจะเกี่ยวข้องกับการบำบัดผู้ป่วยรูมาตอยด์ ดังนั้น แอลอาร์จีนิน (L-arginine) จึงได้ชื่อว่า “โมเลกุลมหัศจรรย” ซึ่งมีนายแพทย์ ชื่อว่า Dr.J. Joseph Prendergast เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน หลอดเชือดหัวใจ ฮอร์โมนและต่อมไร่ท่อ เป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้ทางการแพทยืตั้งแต่ปี 1991 ซึ่งท่านได้ชื่อว่าเป็นแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยไม่ใช้ยา กว่า 19 ปี ในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและเบาหวาน   จำนวน 7,000 รายไม่พบการเสียชีวิต เลยสักราย ถึงขนาดประธานาธิปดีบารัค โอบาม่า ขอให้เข้าพบ  โดยประกอบด้วยสารสำคัญคือกรดอะมิโน L-Arginine เป็นหลัก สามารถรักษาโรคเรื้อรังได้อย่างรวดเร็ว กว่ายาปฏิชีวนะทั่วไป เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเก๊าส์ โรคความดันสูง โรคเส้นเลือดตีบในสมอง โรคหัวใจขาดเลือด เป็นต้น








สนใจขอรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ

 โค้ชเกมส์ 
Mobile :092-645-4256
Line ID : kp156
proargi9.net

เหตุผล 22 ประการที่ต้องทาน ProArgi 9 Plus

เหตุผล 22 ประการ...ที่ต้องทาน ProArgi 9 Plus


1.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus is one thousand times more powerful than any naturally occurring antioxidant in the body. Arginine`s antioxidant properties support various body system and may protect against heart disease, stroke, cancer, and diabetes, as well as slowing premature aging.
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างได้ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด มะเร็งและเบาหวาน รวมทั้งชะลอความเสื่อมของร่างกาย

2.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus offers wide-ranging cardiovascular support, including controlling blood pressure and plaque formation. Nitric oxide keeps arteries relaxed and pliable for normal blood pressure, preventing hypertension and angina.
ช่วยดูแลระบบหลอดเลือดได้ครอบคลุม รวมทั้งควบคุมความ
ดันเลือด และการก่อตัวของคราบพลัคในหลอดเลือด NO(ไนตริกออกไซด์) ผผ่อนคลายและยืดหยุ่นเพื่อให้ระดับความดันอยู่ในระดับปกติ ป้องกันความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดหัวใจตีบ

3.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus enhances memory, particularly long-term memory, and may help to reverse the effects of dementia and Alzheimer’s disease.
ทำให้ระบบความจำดีขึ้น ความจำยาวขึ้น และช่วยบรรเทาผลจากภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์

4.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus boosts human growth hormone (HGH) production, which has anti-aging properties.
ส่งเสริมการผลิตโกรธฮอร์โมนและต้านความชรา

5.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus enhances communication of messenger cells between nerves and the brain.
ทำให้การสื่อสารระหว่างเส้นประสาทและสมองดีขึ้น

6.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may help improve immune function and fight bacterial infections.
ช่วยเสริมระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันและต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย

7.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may help in the treatment and prevention of diabetes since many disease complications, including poor circulation and blindness, are vascular in nature. Arginine is also found to regulate insulin secretion in the pancreas.
ช่วยเสริมการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ตั้งแต่ภาวะเเทรกซ้อนของโรคหลายชนิดรวมทั้งการไหลเวียนและตาบอดเนื่องจากเลือดอุดตันในดวงตา L-Arginine ยังช่วยควบคุมการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน

8.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may inhibit the division and proliferation of cancer cells.
ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวและการเพิ่มของเซลล์มะเร็ง

9.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus Helps with cholesterol control by lowering serum and LDL cholesterol levels.
ช่วยควบคุมคลอเลสเตอรอลด้วยการลดไขมันชนิดเลวหรือLDL

10.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus enhances male sexual performance by treating vascular erectile dysfunction (ED).
ทำให้สมรรถภาพทางเพศในผู้ชายดีขึ้น

11.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus anticoagulant abilities reduce clotting to lower heart attack and stroke risk.
ความสามารถในการต้านตะกอนช่วยลดความเสียงของการอุดตันในเส้นเลือด ต้นเหตุของหัวใจวายและเส้นเลือดแตก

12.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus reduces pregnancy-related hypertension, a risk factor for both the expecting mother and the unborn child.
ลดความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ความเสี่ยงของแม่ที่จะตั้งครรภ์และทารกในครรภ์

13.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus is useful in the treatment of asthma by opening pulmonary pathways for easier breathing and the treatment of lung disorders.
ใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมการรักษาโรคหืดด้วยการขยายหลอดลมทำให้หายใจสะดวกขึ้นและยับยั้งการผิดปกติในการยุบหดตัวและขยายตัวของปอด

14.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus relaxes hypertonic sphincter muscles, preventing and healing hemorrhoids.
ช่วยผ่อนคลายการบีบตัวของกล้ามเนื้อ ป้องกันและบรรเทาโรคริดสีดวงทวาร

15.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus boosts lean muscle mass and preserves bone density by encouraging HGH production, which also leads to a reduction in fatty tissue. Because af these properties, it may be useful in weight management and strength training.
ส่งเสริมกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มควมหนาแน่นให้กระดูกด้วยการผลิตโกรทฮอร์โมน ลดการเกิดไขมันจึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย

16.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus can help offset cardiovascular and lung damage caused by tobacco use, since nitric oxide levels in smokers are less than half of those found in non-smokers.
ช่วยชดเชยการถูกทำลายของระบบหลอดเลือดและปอดโดยบุหรี่ เนื่องจากไนตริกออกไซด์ของผู้ที่สูบบุหรี่ จะลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้สูบ

17.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus helps to accelerate wound healing and postsurgery recovery. Research has shown it is useful in treating burn wounds and stimulates wound healing in the elderly.
ช่วยให้แผลหายเร็ว ทั้งแผลทั่วไปและแผลหลังผ่าตัด และกระตุ้นการสมานแผลในผู้สูงอายุ

18.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may be useful in enhancing athletic performance due to its ability to boost exercise tolerance, its beneficial effect on the lungs, and its effect on HGH levels. Which helps with building lean muscle tissue.
ช่วยให้นักกีฬามีความทนทานในการเล่นกีฬามากขึ้น มีผลดีต่อปอดและระดับโกรทฮอร์โมน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อได้ดี

19.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may be used to improve the function of the prostate.
ช่วยให้ต่อลูกหมากทำงานได้ดีขึ้น

20.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may prevent and possible reverse the effects of osteoporosis by positively affecting bone mass.
ช่วยป้องกันและฟื้นฟูภาวะกระดูกพรุน ด้วยการเพิ่มมวลกระดูกให้กับร่างกาย

21.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus has been used in the treatment of irritable bowel syndrome and to reduce the occurrence of ulcers – especially stress- related – without affecting gastric acid production.
ลดภาวะลำไส้แปรปรวนและแผลในลำไส้ที่เกิดจากความเครีรยด โดยไม่ก่อให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร

22.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus
ProArgi9 Plus may improve renal function and slow the progression of renal disease and age-related chronic renal failure. Arginine`s protective effect on the kidneys may also benefit those with diabetes.
ส่งเสริมการทำงานของไตให้ดีขึ้นและลดการเกิดโรคไตและภาวะไตวายเรื้อรัง และปกป้องไตจากผลพวงของโรคเบาหวาน 
 




แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คืออะไร

แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คืออะไร? 

แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คือกรดอะมิโน ที่ถือว่าเป็น "โมเลกุลมหัศจรรย์" มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาลเพราะ L-Arginine จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิต ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) เพื่อช่วยในเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือด รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคงความเป็นหนุ่มเป็นสาว ช่วยชะลอความชรา

โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) คืออะไร?
โกรทฮอร์โมน คือ ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง ร่างกายจะต้องผลิตออกมาใช้เพื่อการเจริญเติบโต เสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกายตลอดชีวิต แต่หลังจากอายุ 23 ปี ร่างกายกลับหลั่งโกรทฮอร์โมน ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเราเริ่ม "แก่ชรา" เชลล์ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมเริ่มหงอก สมรรถภาพทางเพศเริ่มลดลง ประสิทธิภาพทางร่างกายเริ่มเสื่อมจึงเป็นสาเหตุของโรคเสื่อม เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์             

ในสหรัฐอเมริกา แคนนาดา และยุโรป ได้มีการนำ โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) มาใช้ในวงการแพทย์ และสถาบันต่างๆกันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้โกรทฮอร์โมนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่สามารถทำให้คนเราย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง


ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) คืออะไร?


ไนตริกออกไซด์ ขึ้นชื่อวาเป็น "วีรบุรุษของร่างกาย" (The New Hero of Human Biology) โดยนักวิทยาศาสตร์ 3 ท่าน คือ Louis J.lgnarro, Robert Furchgot and Ferid Murad ได้ค้นพบคุณสมบัติของ ไนตริกออกไซด์ จนได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปี 1998 จากการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไนตริกออกไซด์สามารถช่วยในการบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือดลดสภาวะความตึงเครียดของหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ ดูแลและซ่อมแซมการไหลเวียนของเลือด ช่วยทำให้การสูบฉีดโลหิตทั่วร่างกายได้เป็นปกติ

คุณประโยชน์ของ ProArgi-9 Plus



1. กระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ช่วยในการชะลอความชรา
2. ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนเยาว์
3. ช่วยลดไขมันในกล้ามเนื้อ เสริมสร้างร่างกายให้กระชับทั้งภายในและภายนอก
4. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศในทั้งชายและหญิง
5. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
6. ช่วยควบคุมครอเรสเตอรอลและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
7. ชดเชยความเสียหายของหัวใจ และช่วยขจัดไขมันภายในหลอดเลือด
8. ป้องกันและลดโรคกระดูกพรุน โดยการทำให้เกิดมวลกระดูก
9. ส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ สำหรับนักกีฬา
10.ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย
11.ช่วยในการรักษาแผลและการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด

ProArgi-9 Plus มีกรดอะมิโนที่จำเป็นคือ
L-Arginine ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์เองได้ แต่ไม่เพียงพอและบางส่วนได้รับจากอาหาร
L-Citrullin  เป็นกรดอะมิโนที่สามารถเปลี่ยนเป็น L-Arginine ได้และช่วยยืดอายุให้กับ L-Arginine อีกด้วย
เมื่อรับประทาน ProArgi-9 Plus ในขณะที่ท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่สมองในทันที และจะไปที่ต่อมใต้สมอง และก่อให้เกิดกระบวนการการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติเมื่อสมองได้รับกรดอะมิโน L-Arginine โกรทฮอร์โมนที่ถูกหลั่งจากต่อมใต้สมองจะออกมาเป็นช่วงสั้นๆ และอยู่ในกระแสเลือดเพียงประมาณชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ช่วงเวลาที่หลับลึกตอนกลางคืนจะมีประมาณมากที่สุด ส่วนเวลากลางวันจะน้อยกว่าและขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร หลังจากอายุ 30 ปี ขึ้นไปการหลั่งโกรทฮอร์โมนจะลดลงประมาณ 14% ทุกๆ 10 ปี
โกรทฮอร์โมนในกระแสเลือดจะเดินทางไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ อันเป็นปลายทางของการสื่อสาร อวัยวะที่รับสัมผัสกับโกรทฮอร์โมนมากที่สุดคือ ตับ เมื่อตับได้รับสัญญาณแล้วจะสร้างฮอร์โมน IGF-1 (Insulin Like Growth Facter-1) ออกมาตอบสนอง ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเซล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดการซ่อมแซมร่างกายดังนี้
1. กระตุ้นให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย
2. ทำให้กล้ามเนื้อนำน้ำตาลไปใช้มากขึ้น ลดการเกิดเบาหวาน
3. ทำให้กระดูกและข้อแข็งแรงขึ้น
4. ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
5. ทำให้ปอดและระบบหายใจดีขึ้น
6. ทำให้ไตทำงานดีขึ้น
7. ทำให้ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลำใส้
8. ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
9. ทำให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น ผิวพรรณสดในสวยงามขึ้น
10. ทำให้ผมดกดำขึ้น
11. ทำให้แผลหายเร็วขึ้น กระตุ้นการสมานแผล
12. ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
13. ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขขึ้น เสริมสมรรถภาพทางเพศ

L-Arginine นอกจากกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนแล้วยังมีส่วนที่สำคัญที่ทำให้เกิด Nitric Oxide อีกด้วย
Nitric Oxide เกิดขึ้นที่ผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดในระดับกลางที่มีกล้ามเนื้อมาก เซลล์ที่บุผนังหลอดเลือดเป็นตัวสร้างไนตริกออกไซด์ทำให้เกิดการขยายตัวและยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ 

ผลของการที่เกิดไนตริกออกไซด์คือ
1. เป็นตัวสื่อประสาท ทำให้สมองทำงานฉับไว้ขึ้น
2. ช่วยเม็ดเลือดขาว Macrophage ทำลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งได้
3. ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหาร
4. ช่วยขยายหลอดเลือดลำใส้ขณะย่อยอาหาร
5. ช่วยควบคุมความดันโลหิตที่ไต ในคนที่ความดันโลหิตสูง
6. ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย และเพศหญิง ให้ดีขึ้น
โดยสรุป เราอาจกล่าวได้ว่าฮอร์โมน IGF-1 คือสิ่งที่เป็นตัวแสดงบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมร่างกายอย่างแท้จริง ทำงานภายใต้คำบกการจากสมองส่วนไฮโปธาลามัสที่ส่งคำสั่งผ่านต่อมใต้สมองไปยังตับและอวัยวะปลายทางต่างๆ

ส่วนประกอบสำคัญใน ProArgi-9 Plus



L-Arginine : กระตุ้นในหลั่งโกรทฮอร์โมน และ ไนตริกออกไซด์
L-Citrullin : ช่วยให้ L-Arginine ในร่างกายอายุยาวขึ้น
Xylitol : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
D-ribose : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
Grape skin extract : ต้านการเกิดออกซิเดชั่น
Silicon dioxide : ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก
Sucralose : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
Vitamin C : ต้านอนุมูลอิสระ เสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ
Vitamin D : ช่วยการดูดซึมแคลเซียม และการทำงานของหัวใจ
Vitamin B6, B12, Folic : เป็นวิตามินที่ช่วยลดความดันโลหิตได้



ProArgi 9 Plus (โปรอาร์จิไนน์ พลัส) สารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย

ProArgi 9 Plus (โปรอาร์จิไนน์ พลัส) 
สารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย





แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คืออะไร?        

แอล-อาร์จินีน (L-Arginine) คือกรดอะมิโน ที่ถือว่าเป็น "โมเลกุลมหัศจรรย์"  เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างกาย มีบทบาทหลายประการในการทำงาน ระบะต่างๆในร่างกายบทบาทที่สำคัญเเละเป็นที่รู้จักดีที่สุดประการหนึ่ง คือ มีบทบาทในการช่วยส่งเสริมระบบ หัวใจเเละหลอดเลือด L-Arginine จะถูกร่างกายเปลี่ยนให้เป็น Nitric Oxide (ไนตริกออกไซค์) ซึ่งช่วยในการคลายตัวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับหลอดเลือดผลคือทำให้โลหิตหมุนเวียนดีเเละ ลดความดันโลหิต รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคง ความเป็นหนุ่มเป็นสาว ช่วยชะลอความชราโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone)
                                   
นอกจากนี้เเล้ว
L-Arginine ยัง มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างขึ้น กว่า 1,000 เท่า คุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระของมันจะเป็นประโยชน์สำหรับระบบต่างๆ ของร่างกายและอาจจัดให้มี การป้องกันโรคหัวใจโรคหลอดเลือดสมอง, โรคมะเร็งและโรคเบาหวานรวมทั้งการชะลอกระบวนการชรา

L-Arginine มีประโยชน์มากสำหรับระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงการผลิต (NO) ไนตริกออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นโดย endothelium ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดแดงของคุณยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งช่วยเปิดทางในหลอดเลือดให้การไหลเวียนของเลือดและความดันโลหิตลดลง นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดมันสามารถปรับปรุงหน่วยความจำของสมองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยความจำระยะยาวและอาจช่วยให้ย้อนกลับผลของโรคสมองเสื่อมและสมองเสื่อม มันอาจจะช่วยในการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เชื่อมโยงกับโรคเบาหวานรวมทั้งการไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดีจากเบาหวานและตาบอดที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือด Arginine นอกจากนี้ยังพบว่าควบคุมการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน


L-Arginine ช่วยเพิ่มฮอร์โมนการเจริญเติบโตของมนุษย์ การผลิต (Growth Hormone) ให้เข้าสู่ระดับปกติซึ่งมีประโยชน์ Anti-Aging (การต่อต้านความเสื่อมของร่างกาย)โดยจะช่วยปรับปรุงการสื่อสารของเซลล์ประสาทและ Messenger ระหว่างสมองเเละยังช่วยปรับปรุงการทำงานของ ระบบภูมิคุ้มกันและต่อสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรีย มันอาจจะยับยั้งการแบ่งและการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งเเละยังจะช่วยลด LDL และระดับคอเลสเตอรอลในเลือด


L-Arginine สามารถเพิ่มประสิทธิภาพทางเพศชายหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โดยการรักษาหลอดเลือด (ED) และมีความสามารถในการกันเลือดแข็งตัวที่สามารถลดการเกาะเป็นก้อนซึ่งช่วยลด ความเสี่ยงหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองเเล้วยังช่วยลดความดันโลหิตสูงที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ที่เป็นปัจจัย  เสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ รวมถึงมีประโยชน์ในการรักษาโรคหอบหืดโดยการเปิดทางเดินหายใจปอด เพื่อให้หายใจง่ายขึ้นและการรักษาความผิดปกติของปอด


L-arginine ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูด กล้ามเนื้อตึง มากเกินไป, การป้องกันและรักษาโรคริดสีดวงทวาร มันส่งเสริมให้มวลกล้ามเนื้อติดมัน และรักษาความหนาแน่นของ กระดูก โดยการช่วยงานที่มีการผลิต HGH ซึ่งยังนำไปสู่การลดเนื้อเยื่อไขมัน มันอาจจะเป็นองค์ประกอบที่มีประโยชน์ ในการควบคุมน้ำหนักเเละการเสียหายจากการออกกำลังกาย


L-Arginine ยังจะช่วยต่อต้านความเสียหายหลอดเลือด หัวใจและปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เนื่องจากระดับไนตริกออกไซด์ที่ ร่างกายผลิตในผู้สูบบุหรี่จะน้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เเละยังช่วยเพิ่มความเร็วและการรักษาแผลผ่าตัด การวิจัยพบว่าจะมีประโยชน์ในการรักษาแผลไหม้ และช่วยกระตุ้นการสมานแผลในผู้สูงอายุ


L-Arginine ยังจะป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบของโรคกระดูกพรุนโดยการ เพิ่มความหนาแน่นของกระดูกเเละยังได้รับใช้ในการรักษา อาการลำไส้ (IBS) และเพื่อลดการเกิดแผลที่เกิดจาก ความเครียดโดยเฉพาะโดยไม่ต้องมีผลกระทบ ต่อการผลิตกรดในกระเพาะอาหารมันอาจช่วยให้การทำงานของไต และชะลอการดำเนินของโรคไตวายเรื้อรัง


L-Arginine ใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจได้รับประโยชน์จากการป้องกัน ผลกระทบจากโรคเบาหวานที่มีต่อไต

     
โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) คืออะไร?  
   
โกรทฮอร์โมน คือ ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง ร่างกายจะต้องผลิตออกมาใช้เพื่อการเจริญเติบโต เสริมสร้างและ  ซ่อมแซมร่างกายตลอดชีวิต แต่หลังจากอายุ 23 ปี ร่างกายกลับหลั่งโกรทฮอร์โมน ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นตัวแปร สำคัญที่ทำให้ร่างกายของเราเริ่ม "แก่ชรา" เชลล์ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่น ผมเริ่มหงอก สมรรถภาพทางเพศเริ่มลดลง ประสิทธิภาพทางร่างกายเริ่มเสื่อมจึงเป็นสาเหตุของโรคเสื่อม เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ซึ่งโรคดังกล่าว เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์    ในสหรัฐอเมริกา แคนนาดา และยุโรป ได้มีการนำ โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) มาใช้ในวงการแพทย์ และสถาบันต่างๆกันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้โกรทฮอร์โมนมีความสำคัญ อย่างยิ่งยวดที่สามารถทำให้คนเราย้อนวัยกลับไปเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้งไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide)

ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) คืออะไร?          

   


ไนตริกออกไซด์ ขึ้นชื่อวาเป็น "วีรบุรุษของร่างกาย" (The New Hero of Human Biology) โดยนักวิทยาศาสตร์ 3 ท่าน คือ Louis J.lgnarro, Robert Furchgot and Ferid Murad ได้ค้นพบคุณสมบัติของ ไนตริกออกไซด์ จนได้รับ รางวัลโนเบลเมื่อปี 1998 จากการศึกษาอย่างต่อเนื่อง การค้นพบเกี่ยวกับหน้าที่ของ Nitric Oxide ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของการค้นพบ ในประวัติศาตร์การแพทย์และวิทยาศาสตร์ ในปี 1987 มีการค้นพบกระบวนการทำงาน Nitric Oxide ในร่างกายมนุษย์ ที่มีส่วนสำคัญต่อประวัติของวงการแพทย์และ วิทยาศาสตร์ การค้นพบโมเลกุลนี้ทำให้วงการ วิทยาศาสตร์แพทย์มีการพัฒนาและพบมันเป็นส่วน ประกอบของเซลล์ ของ ทุกเซลล์ในร่างกายมนุษย์ความสำคัญของ Nitric Oxide นี้ได้ทำให้นัก 3 ผู้ชำนาญด้านเภสัชวิทยาได้รับรางวัล โนเบิลสาขาสรีระวิทยา ในปี 1998 สำหรับผลงานวิจัยเกี่ยวกับ Nitric Oxide ล่าสุด Nitric Oxide ได้ถูกตั้งชื่อว่า "Molecule of Life"หรือโมเลกุลแห่งชีวิตซึ่งถ้าปราศจากโมเลกุลนี้ สิ่งมีชีวิตก็ไม่สามารถอยู่ได้


อะไรคือ Nitri Oxide ? 




Nitric Oxide
หรือ เรียกสั้นๆว่า NO ยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการการแพทย์ว่ามันสามารถทำให้เกิดขบวนการการเกิด แก๊สตามธรรมชาติ ของร่างกายมนุษย์ ดังนั้น Nitric Oxide จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายและมีผลกระทบ ต่อขบวนการ สรีระวิทยา รวมทั้งระบบหมุ่นเวียนโลหิต ขบวนการอักเสบ การปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ ต่างๆ โดยผ่านเม็ดเลือดแดงประโยชน์ที่จะได้รับจาก Nitric Oxide


Nitric Oxide ช่วยรักษาสมดุล ซ่อมแซม และป้องกันดูแล ทุกๆเซลล์ของระบบภายในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยต่อสู้เกี่ยวกับความเจ็บปวด การอักเสบปัญหาของ ระบบย่อยอาหาร อาการนอนไม่หลับ โรคเบาหวาน และการเกิดบาดแผล สอดคร้องกับช่วยเพิ่มพลังงาน ปรับปรุง การทำงานของระบบสืบพันธุ์ ควบคุมน้ำหนัก เพราะเป็นโมเลกุลที่มีตัวส่งสัญญาน ซึ่งกระตุ้นการทำงานโดยรวมโดยการ จัดระเบียบการทำงานของกลไก ทางสรีระศาสตร์ที่สำคัญการทำงานของ


Nitric Oxide ทำให้การทำงานของ กล้ามเนื้อเรียบของผนังหลอดเลือด ผ่อนคลาย ทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดี ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ได้ดีขึ้น นี่เป็นสาเหตุทำให้หัวใจ ทำงานได้เต็มที่ ทำให้ร่างกายได้รับ ออกซิเจน สารอาหาร วิตามินต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ส่งไปเลี้ยง จุดต่างๆของร่างกายที่มาของ


Nitric Oxide เริ่มแรกมาจากการสังเคราะห์  ได้เองจากร่างกาย ผ่านขบวนการ เปลี่ยนกรดอะมิโน L-arginine (1 ใน 20 amino acids) เปลี่ยนเป็น citrulline , L-arginine เป็นต้นกำเนิดของ Nitric Oxide ที่ได้มาจาก โปรตีนและส่วนเล็กของ โปรตีน peptides จาก ลำไส้เล็ก และ ดูดซึมร่วมด้วยกรดอะมิโน เข้าสู่กระแสเลือด และ ถูกส่งออกไปทุก ๆ เซลล์และบางส่วนของ L-arginine นี้ถูกเผาผลาญสำหรับใช้ในกระบวน การสร้าง Nitric Oxide และใช้สร้างโปรตีน อื่นๆ Nitric Oxide สร้างจากสารที่รู้จักกันเป็นอย่างดีที่เรียกว่า Nitrate, Nitrites พบมากในพืชที่มีใบสีเขียว และต้นยอ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ทั้ง Nitrates และ Nitrites ถูกเปลี่ยนเป็น Nitric Oxide โดยกรดในกระเพาะอาหาร ไม่เพียงแต่ Nitric Oxide จะมีประโยชน์ต่อเราแล้ว อีกทั้งยังช่วยทำลายแบคทีเรียในอาหารที่เรากินเข้าไป แล้วกระจายไปทั่วกระเพาะอาหาร ผ่านเข้าไปสู่เม็ดเลือดแดง รวมเข้ากับโปรตีน ส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย





Nitric Oxide Mind Map

 ไนตริกออกไซด์สามารถช่วยในการบำบัดหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือดลดสภาวะความตึงเครียดของหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ ดูแลและซ่อมแซมการไหลเวียนของเลือด ช่วยทำให้การสูบฉีดโลหิตทั่วร่างกายได้เป็นปกติคุณประโยชน์ของ ProArgi-9 Plus
1. กระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ช่วยในการชะลอความชรา
2. ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนเยาว์
3. ช่วยลดไขมันในกล้ามเนื้อ เสริมสร้างร่างกายให้กระชับทั้งภายในและภายนอก
4. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศในทั้งชายและหญิง
5. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
6. ช่วยควบคุมครอเรสเตอรอลและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
7. ชดเชยความเสียหายของหัวใจ และช่วยขจัดไขมันภายในหลอดเลือด
8. ป้องกันและลดโรคกระดูกพรุน โดยการทำให้เกิดมวลกระดูก
9. ส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ สำหรับนักกีฬา
10.ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย
11.ช่วยในการรักษาแผลและการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด

มีกรดอะมิโนที่จำเป็นคือ L-Arginine ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์เองได้ แต่ไม่เพียงพอและบางส่วนได้รับจากอาหาร L-Citrullin  เป็นกรดอะมิโนที่สามารถเปลี่ยนเป็น L-Arginine ได้และช่วยยืดอายุให้กับ L-Arginine อีกด้วย


เมื่อรับประทาน ProArgi-9 Plus ในขณะที่ท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่สมองในทันที และจะไปที่ต่อม ใต้สมอง และก่อให้เกิดกระบวนการการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติ เมื่อสมองได้รับ กรดอะมิโน L-Arginine โกรทฮอร์โมนที่ถูกหลั่งจากต่อมใต้สมองจะออกมาเป็นช่วงสั้นๆ และอยู่ในกระแสเลือดเพียง ประมาณชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ช่วงเวลาที่หลับลึกตอนกลางคืนจะมีประมาณมากที่สุด ส่วนเวลากลางวันจะน้อยกว่าและ ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร


หลังจากอายุ 30 ปี ขึ้นไปการหลั่งโกรทฮอร์โมนจะลดลงประมาณ 14% ทุกๆ 10 ปี โกรทฮอร์โมนในกระแสเลือดจะเดินทาง ไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ อันเป็นปลายทางของ การสื่อสาร อวัยวะที่รับสัมผัสกับโกรทฮอร์โมนมากที่สุดคือ ตับ เมื่อตับได้รับสัญญาณแล้วจะสร้างฮอร์โมน IGF-1 (Insulin Like Growth Facter-1) ออกมาตอบสนอง ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้น การเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเซล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดการซ่อมแซมร่างกายดังนี้

1. กระตุ้นให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย
2. ทำให้กล้ามเนื้อนำน้ำตาลไปใช้มากขึ้น ลดการเกิดเบาหวาน
3. ทำให้กระดูกและข้อแข็งแรงขึ้น
4. ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้น
5. ทำให้ปอดและระบบหายใจดีขึ้น
6. ทำให้ไตทำงานดีขึ้น
7. ทำให้ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบลำใส้
8. ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
9. ทำให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น ผิวพรรณสดในสวยงามขึ้น
10. ทำให้ผมดกดำขึ้น
11. ทำให้แผลหายเร็วขึ้น กระตุ้นการสมานแผล
12. ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
13. ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขขึ้น เสริมสมรรถภาพทางเพศL-Arginine

นอกจากกระตุ้นการหลั่งโกรทฮอร์โมนแล้วยังมีส่วนที่สำคัญที่ทำให้เกิด Nitric Oxide อีกด้วย Nitric Oxide เกิดขึ้นที่ผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดในระดับกลางที่มีกล้ามเนื้อมาก เซลล์ที่บุผนังหลอดเลือดเป็นตัว สร้างไนตริกออกไซด์ทำให้เกิดการขยายตัวและยืดหยุ่นของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลงได้



ผลของการที่เกิดไนตริกออกไซด์คือ


1. เป็นตัวสื่อประสาท ทำให้สมองทำงานฉับไว้ขึ้น

2. ช่วยเม็ดเลือดขาว Macrophage ทำลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งได้
3. ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหาร
4. ช่วยขยายหลอดเลือดลำใส้ขณะย่อยอาหาร
5. ช่วยควบคุมความดันโลหิตที่ไต ในคนที่ความดันโลหิตสูง
6. ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย และเพศหญิง ให้ดีขึ้น
   
โดยสรุป เราอาจกล่าวได้ว่าฮอร์โมน IGF-1 คือสิ่งที่เป็นตัวแสดงบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมร่างกายอย่างแท้จริง ทำงานภายใต้คำบกการจากสมองส่วนไฮโปธาลามัสที่ส่งคำสั่งผ่านต่อมใต้สมองไปยังตับและอวัยวะปลายทางต่างๆ ส่วนประกอบสำคัญใน ProArgi-9 Plus 



L-Arginine : กระตุ้นในหลั่งโกรทฮอร์โมน และ ไนตริกออกไซด์

L-Citrullin : ช่วยให้ L-Arginine ในร่างกายอายุยาวขึ้น
Xylitol : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
D-ribose : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
Grape skin extract : ต้านการเกิดออกซิเดชั่น
Silicon dioxide : ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก
Sucralose : สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ
Vitamin C : ต้านอนุมูลอิสระ เสริมความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ
Vitamin D : ช่วยการดูดซึมแคลเซียม และการทำงานของหัวใจ
Vitamin B6, B12, Folic : เป็นวิตามินที่ช่วยลดความดันโลหิตได้

เเล้วเราจะหา L-Arginine ได้จากที่ไหนในธรรมชาติ 

สามารถพบได้ใน ข้าวกล้อง ทับทิม ผลองุ่นเเห้ง พบมากในเนื้อดิบๆ เเละสัตว์ทะเลเเต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปกป้อง เเละเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายของเราให้ต้านทานการเกิดโรคได้ ในร่างกายของเรานั้น  L-Arginine มีบทบาทสำคัญ ในการปกป้องเราจากโรคร้ายต่างๆเช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน หลอดเลือดตีบ เเละโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย นอกจากนั้น L-Arginine ยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้ร่างกายของเรา คงความหนุ่มความสาว ทั้งภายในเเละภายนอก รวมทั้งยังฟื้นฟูเเละเสริมสมรรถภาพทางเพศ ได้อีกด้วยการศึกษา วิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของ L-Arginine

การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของL-Arginine




L-Arginine ถูกริเริ่มใช้กับการ รักษาด้านหลอดเลือดหัวใจโดย Dr. J. Joseph Prendergast ผู้เชี่ยวชาญด้าน หลอดเลือดหัวใจ ฮอร์โมนเเละต่อมไร้ท่อ เป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้ทางการเเพทย์ตั้งเเต่ปี 1991 Dr. Joseph Prendergast ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเเพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยไม่ใช้ยา กว่า19ปีในการทำการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจเเละเบาหวาน จำนวนมากถึง 7,000 กว่าราย ของ Dr. Joseph ตั้งเเต่ที่เริ่มรักษาโดย L-Arginine ไม่พบรายงานการเสียชีวิตเนื่องจากอาการหัวใจวายเเละหลอดเลือดสมองเลยซักราย


L-Arginine มีหลักการทำงานหลักๆ 2 ส่วนด้วยกันคือ




- ส่วนเเรก L-Arginine จะเข้าไปกระตุ้น ต่อมใต้สมอง (พิทูอิทาร)ีให้หลั่ง Human Growth Hormone (HGH) Growth Hormone นี้เป็นกุญแจสำคัญของความเป็นหนุ่มเป็นสาว เนื่องจาก ตอนร่างกายคนเราอยู่ในช่วงวัยเด็ก - อายุ 22 ปี Growth Hormone จะถูกหลั่งออกมาในปริมาณมาก เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้เติบโตสมบูรณ์ แต่หลังจากอายุ 22 ปีขึ้นไป Growth Hormone จะหลังออกมาน้อยลงเรื่อยๆ เจ้า Growth Hormone นี้เองที่คอยกระตุ้นกระบวน การต่างๆของร่างกาย เพื่อซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์อยู่เสมอ เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนตัวนี้หลังออกมา น้อยลง ทำให้ร่างกายของเราเสื่อมลงเรื่อยๆ ถ้าร่างกายบาดเจ็บหรือเสียหายในวัยเด็กจะซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยากเย็น เราจะสังเกตได้จากช่วงชีวิตในวัยเด็กของเราถ้าเราเกิดการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บขึ้นกับร่างกายเราจะหาย เป็นปกติได้อยากรวดเร็ว แต่เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนตัวนี้ก็เริ่มหลั่งน้อยลงเรื่อยๆ ร่างกายเราจึงเสือมถอยลงเรื่อยๆ จากที่เคยแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็มาเยือน เพราะเมื่อร่างกายเกิดการเสียหาย กระบวนการซ่อมเเซมเเละฟื้นฟู ของเรามีประสิธิภาพต่ำลงจนร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูให้สมบูรณ์เเข็งเเรงได้ Growth Hormone นอกจากจะช่วยคงความหนุ่มสาวให้กับร่างกายของเราแล้ว ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญ คือจะถูกตับเปลียนเป็นสาร IGF-1 ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน


- ส่วนที่สอง L-Arginine จะทำให้เกิดไนตริกออกไซค์(No) ในหลอดเลือด ซึ่งเจ้าไนตริกออกไซค์ นี้จะเกิดขึ้นในหลอดเลือดของเราประมาณ 15 วินาที จะทำหน้าที่ทำความสะอาดหลอดเลือดทะลวง คราบพลัค หรือไขมันที่เกาะหรืออุดตันในผนังหลอดเลือด นอกจากนั้น ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับหลอดเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการรักษา โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบตัน และความดัน และกระตุ้นให้ร่างการสร้างโคเอ็มไซม์ คิว 10 หรือ Co Q10 นอกจากจะเป็นส่วนผสม ของเครื่องสำอางค์และใช้ในด้านการบำรุงรักษาผิวพรรณ์แล้วยังเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญให้กับเซลล์ต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ให้สมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยชดเชยความเสียหายให้กับเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น L-Arginine ยังถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูเเละ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย



เหตุผล 22 ประการ...ที่ต้องทาน โปรอาร์จิไนน์ ProArgi 9 Plus






1.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plusเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถ สร้างได้ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด มะเร็งและเบาหวาน รวมทั้งชะลอความเสื่อมของร่างกาย

2.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยดูแลระบบหลอดเลือดได้ครอบคลุม รวมทั้งควบคุมความดันเลือด และการก่อตัวของคราบพลัคในหลอดเลือด NO(ไนตริกออกไซด์)ผ่อนคลายและยืดหยุ่นเพื่อให้ระดับความดัน อยู่ในระดับปกติ ป้องกันความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดหัวใจตีบ
3.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ทำให้ระบบความจำดีขึ้น ความจำยาวขึ้นและช่วยบรรเทาผลจากภาวะ สมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์
4.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ส่งเสริมการผลิตโกรธฮอร์โมนและต้านความชรา
5.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ทำให้การสื่อสารระหว่างเส้นประสาทและสมองดีขึ้น
6.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยเสริมระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันและต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย
7.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยเสริมการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ตั้งแต่ภาวะเเทรกซ้อน ของโรคหลายชนิดรวมทั้งการไหลเวียนและตาบอดเนื่องจากเลือดอุดตันในดวงตา L-Arginine ยังช่วยควบคุมการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน
8.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวและการเพิ่มของเซลล์มะเร็ง
9.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยควบคุมคลอเลสเตอรอลด้วยการลดไขมันชนิดเลวหรือLDL
10.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ทำให้สมรรถภาพทางเพศในผู้ชายดีขึ้น
11.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ความสามารถในการต้านตะกอนช่วยลดความเสียงของการอุดตันในเส้นเลือด ต้นเหตุของหัวใจวายและเส้นเลือดแตก
12.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ลดความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ความเสี่ยงของแม่ที่จะตั้งครรภ์และ ทารกในครรภ์
13.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมการรักษาโรคหืดด้วยการขยายหลอดลม ทำให้หายใจ สะดวกขึ้นและยับยั้งการผิดปกติในการยุบหดตัวและขยายตัวของปอด
14.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยผ่อนคลายการบีบตัวของกล้ามเนื้อ ป้องกันและบรรเทาโรคริดสีดวงทวาร
15.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ส่งเสริมกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มควมหนาแน่นให้กระดูกด้วย การผลิตโกรทฮอร์โมน ลดการเกิดไขมันจึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย
16.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยชดเชยการถูกทำลายของระบบหลอดเลือดและปอดโดยบุหรี่ เนื่องจากไนตริกออกไซด์ของผู้ที่สูบบุหรี่ จะลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้สูบ
17.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยให้แผลหายเร็ว ทั้งแผลทั่วไปและแผลหลังผ่าตัด และกระตุ้นการ สมานแผลในผู้สูงอายุ
18.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยให้นักกีฬามีความทนทานในการเล่นกีฬามากขึ้น มีผลดีต่อปอด และระดับโกรทฮอร์โมน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อได้ดี
19.โปรอาร์จีไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยให้ต่อลูกหมากทำงานได้ดีขึ้น
20.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ช่วยป้องกันและฟื้นฟูภาวะกระดูกพรุน ด้วยการเพิ่มมวลกระดูกให้กับร่างกาย
21.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ลดภาวะลำไส้แปรปรวนและแผลในลำไส้ที่เกิดจากความเครียดโดยไม่ก่อ ให้เกิด กรดในกระเพาะอาหาร
22.โปรอาร์จิไนน์ Proargi 9 Plus.ส่งเสริมการทำงานของไตให้ดีขึ้นและลดการเกิดโรคไตและภาวะไตวาย เรื้อรัง และปกป้องไตจากผลพวงของโรคเบาหวาน

สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของ 


ผลิตภัณฑ์ ProArgi 9 Plus

ติดต่อ โค้ชเกมส์ 092-645-4256


หากบทความนี้มีประโยชน์ รบกวน กดไลท์ กดแชร์ด้วยครับ 

เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ