วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สารอาหาร 7 ชนิดในไข่ ที่ช่วยให้น้ำหนักลดไวเกินคาด !

สารอาหาร 7 ชนิดในไข่ ที่ช่วยให้น้ำหนักลดไวเกินคาด !


เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่ชอบกิน ไข่ อาหารแสนอร่อยหาทานง่ายและนำมาดัดแปลงให้เป็นหลากหลายเมนูอร่อยได้ไม่รู้จบ แต่ถ้าหากใครที่กำลังคิดว่าการกินไข่ทำให้อ้วน ต้องขอบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดมากเลยล่ะ ถ้าหากกินไข่ให้เป็นในช่วงกำลังควบคุมน้ำหนักก็จะช่วยทำให้น้ำหนักของคุณลดได้ไวกว่าที่คิดไว้อีกด้วยซ้ำ ก็เพราะในไข่ประกอบด้วยสารอาหาร 7 ชนิดที่ช่วยลดน้ำหนักได้รวดเร็วยังไงล่ะ แต่ว่าควรทานเป็น "ไข่ต้มยางมะตูม" จะดีที่สุดเพราะว่าเราจะไม่สูญเสียโปรตีนจากไข่ขาว และไขมันดี (HDL) ไข่แดง จากการทำให้สุกด้วยความร้อนสูง ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างล่ะก็ ตามมาดูกันเลย

1. โคลีน (Choline)
เชื่อว่าหลายคนคงไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องคุณประโยชน์ของโคลีนสักเท่าไรนัก แต่รู้ไหมว่ามันคือหนึ่งในสารอาหารในไข่ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะโคลีนสามารถช่วยลดน้ำหนักและยังช่วยต่อต้านมะเร็งร้ายให้ห่างไกลจากร่างกายของคุณได้ด้วย ซึ่งความจริงแล้วโคลีนก็คือวิตามินบี ที่จะเข้าไปเปิดการทำงานของยีนในร่างกายที่ช่วยเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานและช่วยต่อต้านมะเร็งเต้านมได้ อีกทั้งยังช่วยเยียวยาจิตใจและรักษาสุขภาพสายตาอีกด้วย

2. วิตามิน ดี (Vitamin D)
วิตามิน ดี สามารถช่วยเสริมสร้างแคลเซียมบำรุงกระดูกของร่างกายให้แข็งแร็งเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อมากขึ้น นอกจากนี้วิตามินดีในไข่ก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เหมือนกัน อีกทั้งยังช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างพลังงาน และลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมอีกด้วย

3. วิตามินบี6 (Vitamin B6)
ในอาหารมากมายหลายชนิดอุดมไปด้วยวิตามินบี6 รวมทั้งไข่ก็เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินชนิดนี้เช่นกัน ซึ่งวิตามินบี6 จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญอาหารและช่วยให้วงจรการนอนหลับดีขึ้นด้วย

4. โปรตีน (Protein)
ไข่ 1 ฟองอุดมไปด้วยโปรตีนถึง 6 กรัม ที่สามารถเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานได้โดยปราศจากแป้ง หากต้องการคงสภาพความตึงกระชับของกล้ามเนื้อไว้ ให้กินไข่ 1 ฟองกับไข่ขาว 2 ฟอง วิธีนี้จะทำให้คุณได้รับโปรตีนอย่างล้นหลามเพื่อสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็วด้วย

5. วิตามินบี12 (Vitamin B12)
ถือได้ว่าไข่เป็นแหล่งรวมวิตามินบี12 ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ไม่อยากกินเนื้อสัตว์หรืออาหารเสริม นอกจากนี้วิตามินบี12 ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญเกือบจะทุกเซลล์ในร่างกายเลยทีเดียว

6. กรดไขมันจำเป็น (EFA)
แค่ฟังชื่อก็ชวนให้สงสัยแล้วว่าจะช่วยทำให้น้ำหนัดลดได้อย่างไรกัน แต่หากคุณรู้จักกรดไขมันจำเป็น (EFA) คุณจะหลงรักมันเลยล่ะ เพราะถ้าคุณกำลังคิดลดน้ำหนัก เจ้ากรดไขมันนี่แหละจะเป็นตัวช่วยเผาผลาญไขมัน อีกทั้งยังทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งยืดหยุ่นและส่งผลดีต่อระบบหัวใจด้วย และแม้ว่าไข่จะมีไขมันอิ่มตัว แต่ไขมันเหล่านั้นก็เป็นไขมันชนิดที่ดี

7.ลิวซีน (Leucine)
ลิวซีน คือกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ซึ่งจำเป็นมากต่อการลดน้ำหนัก เพราะลิวซีนจะช่วยเร่งการทำงานของระบบเผาผลาญอาหาร ช่วยขัดขวางการสลายตัวของกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มพลังงานให้ก่อนออกกำลังกาย ซึ่งแน่นอนว่า ไข่ นี่แหละเป็นแหล่งรวมลิวซีนชั้นเลิศ เอาเป็นว่าลองเลือกเมนูไข่มาเป็นอาหารมื้อก่อนไปออกกำลังกายเถอะนะคะ

สำหรับใครชอบกินไข่ก็ต้องถือว่าโชคดีมาก ๆ เลยครับ เพราะไข่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเต็มไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด ใครที่กำลังคิดจะลดน้ำหนักแต่ไม่รู้จะกินอะไรไม่ให้อ้วนขึ้นดี ก็ลองเลือกเมนู "ไข่ต้มยางมะตูม" มากินกันดีกว่า


วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เพราะอะไรเราถึงต้อง ลดไขมัน ไม่ใช่แค่ ลดน้ำหนัก

เพราะอะไร? เราถึงต้อง ลดไขมัน ไม่ใช่แค่ลดน้ำหนัก


เห็นอะไรในรูปนี้ครับ อ้วนแล้วอันตรายยังไง ดูตามรูปนะครับ คนอ้วน ลงพุง มีไขมันช่องท้องมาก จะไปเบียดอวัยวะภายใน ที่อยู่ในช่องท้อง ประกอบด้วย ตับ ปอด ลำไส้ หัวใจ ฯลฯ



#เบียดตับ แทรกเข้าไปในเนื้อตับและตับอ่อน สูญเสียการทำงาน ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้น้อยลงการดึงน้ำตาลเข้ามาสู่เซลล์ลดลง น้ำตาลเหลืออยู่ในกระแสเลือดเยอะ เป็นสาเหตุของ โรคเบาหวาน

#เบียดปอด ปอดขยายตัวได้น้อยเมื่อหายใจเข้า ทำให้ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เหนื่อยง่าย และมีอาการนอนกรน ที่ร้ายแรงสุด คือ การหยุดหายใจขณะนอนหลับ

#หัวใจ ทำงานหนัก ในการออกแรงบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้หัวใจโต กว่าคนปกติ เป็นสาเหตุของ ภาวะหัวใจวายง่าย

#กระดูกข้อเข่าต้องแบกรับน้ำหนักตัวที่เยอะเวลาเดินเกิดการกระแทกเสียดสีอย่างรุนแรง เป็นต้นเหตุ ของ อาการข้อเข่าเสื่อมเร็ว

นี่แค่เบื้องต้นความเลวร้ายของโรคอ้วนและไขมันเหลืองที่อยู่ในช่องท้องนะครับ อย่าปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรม ย่ำแย่ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เป็นทุกโรค เบาหวาน ความดัน หัวใจ ข้อเข่าเสื่อม

หยุด !! ทำร้ายร่างกายด้วยคำว่า "เดี๋ยวก่อน" เดี๋ยวค่อยลด ตอนนี้ยังแข็งแรงดี ไปตรวจสุขภาพก็ปกติ
เลิกหลอกตัวเองได้แล้วครับ ความอ้วนนั้นอันตรายสุดๆ


อย่า !! คิดลดความอ้วนด้วยการอดอาหารนะครับ เพราะมันคือ " หายนะ " ของชีวิต
อย่าลืม!!! ถ้าคิดจะลดความอ้วน ควรเลือกลดให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการด้วยนะครับ
ฝากบทความนี้ให้ทุกคนได้อ่านและคิดพิจารณาดูนะครับ ด้วยความรักและห่วงใยทุกๆ คนครับ

Cr: Mickywoo
ที่มา : Sivakorn Jiranontasiri


วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โทษภัยของน้ำอัดลม เป็นบ่อเกิดของหลายๆโรค

โทษภัยของน้ำอัดลม เป็นบ่อเกิดของหลายๆโรค


ลองรู้จักน้ำอัดลม กันหน่อย แน่นอนน้ำอัดลมรสชาติอันยอดเยี่ยมบ้านเราไม่ว่า รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่หลายคน มักจะซดน้ำอัดลมเพราะคิดว่าจะทำให้สดชื่นและ ผู้ปกครองหลายๆท่านยังเข้าใจว่า   การทานน้ำอัดลมจะไปช่วยเติมน้ำตาลให้เด็กมีพลังงาน  ลองกลับมาดูบทความนี้หน่อยไหมค่ะก่อนที่จะให้เด็กทานน้ำอัดลม
  ท่านทราบไหมว่า

มีการใช้คุณสมบัติของน้ำอัดลม                            

     1. ตำรวจทางหลวงของอเมริกาจะบรรทุกน้ำอัดลมในประเภทน้ำดำไว้ 2 แกลลอน ในช่องท้ายรถเพื่อเวลามีอุบัติเหตุรถชนกันสามารถเอา น้ำอัดลม ล้างเลือดบนถนน
ได้เกลี้ยงเกลา  (อันนี้ไม่แนะนำให้บอกคนที่เป็นอาชญากรนะ เพราะหลักฐานจะหาย
เกลี้ยงเลย )
     2. มีการทดลองเอาเนื้อสเต๊ก  ชนิดT-bone steak ใส่ในชามกะละมังที่มีน้ำอัดลม
เต็ม จะพบว่าเนื้อสเต๊ก จะถูกละลายไปหมดใน   2  วัน (หมายถึงไม่อยู่ในสภาพการ
เป็นเนื้อเลย )
     3. รินน้ำอัดลม 1 กระป๋องลงในโถส้วมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วชักโครกกรดอะซิตริกใน
น้ำอัดลมจะล้าง คราบสกปรกในโถส้วมได้สะอาด
     4. ถ้าต้องการกัดสนิมที่กันชนชุมโครเมียมของรถ ให้เอาที่ขัดที่ทำด้วย  foil  ชุบ
น้ำอัดลม ขัดสนิมจะออกหมด
     5. ถ้าจะล้างทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้
เทน้ำอัดลม ฟองจะกัดคราบขาวออกได้หมด
     6. ถ้าจุดขวดติดแน่น งัดไม่ออก เอาผ้าชุบน้ำโค้กหุ้มไว้หลายๆ นาที จะบิดจุดขวด
ออกได้โดยง่าย
     7. ถ้าจะปิ้ง  moist  ham ให้เทน้ำอัดลม 1 กระป๋อง เทลงในกระทะ ห่อแฮมด้วย
อะลูมิเนียมฟอล์ยแล้วปิ้ง 30 นาที ก่อนแฮมจะสุก แกะฟอล์ยออก ปล่อยให้น้ำเนื้อหยดลงไปผสมกับน้ำอัดลมในกระทะ ท่านจะได้น้ำเกรวี่สีน้ำตาล
     8. การล้างคราบไขมันจากเสื้อผ้า ให้ใช้น้ำน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ผสมกับผงซักฟอกในปริมาณที่จะใส่ในเครื่องซักปล่อยให้ซักด้วยเครื่องตามปกติ โค้กจะช่วยกำจัดคราบไขมันได้สะอาดหมดจด
     9. ท่านสามารถผสมน้ำอัดลม ลงในน้ำล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริก แอซิกใน
น้ำอัดลม  จะช่วยทำความสะอาดกระจกได้ดี
     10. น้ำอัดลมมี pH 2.8 ถ้าตัดเล็บแช่ในน้ำโค้ก 4 วัน จะละลายหมด
     11.เวลาขนย้ายน้ำอัดลมเข้มข้นเพื่อส่งตามโรงงานทั่วโลก ที่รถบรรทุก จะต้อง
ติดป้ายไว้ว่า “มีวัตถุที่มีกรดกัดกร่อนได้ เป็นอันตราย”
     12. บริษัทขายน้ำอัดลม ใช้น้ำน้ำอัดลมทำความสะอาดเครื่องยนต์ของรบรรทุก มานานประมาณ 20 ปีแล้ว

          ส่วนผสมของน้ำอัดลม   ลองอ่านส่วนผสมของน้ำอัดลมจากข้างขวดดูแล้วคุณจะพบว่าหนึ่งในส่วนผสมนั้น
คือ  กรดฟอสฟอริก และ เอธีลีน ไกลคอล อีกเล็กน้อยที่น่าตกใจก็คือเจ้าสาร
เอธีลีนไกลคอล นี้เป็นที่รู้จักกันดีในวงการน้ำอัดลม ว่าเป็นตัวทำให้น้ำอัดลมเย็นจัด
และช่วยป้องกันการ แข็งตัวที่อุณหภูมิ 0 องศาโดยจะทำให้น้ำอัดลมแข็งตัว
ที่อุณหภูมิต่ำกว่านั้น คือ –4 หรือ –5 องศาสารเคมีตัวนี้เป็นสารพิษอย่างอ่อนๆ ที่จัด
อยู่ใน กลุ่มของสารหนู เพราะฉะนั้น   ถ้าคุณดื่มน้ำอัดลม 4 ลิตร ภายในเวลา
ประมาณ 1 ชม. คุณอาจตายได้ เพียง 4 ลิตร

            ลองทายกันดูสิว่า ค่า pH (ค่าความเป็นกรด-ด่าง) ของน้ำอัดลมมีค่าเท่าใด
คำตอบคือ 3.4! ความเป็นกรดขนาดนี้สามารถทำให้ กระดูกและฟันผุกร่อนได้  (น่าเสียดายที่ว่าร่างกายคนเราจะหยุด หมายถึงหยุดสร้างกระดูกที่อายุ 30 เท่านั้นเอง) เอนไซม์ย่อยอาหารจะทำงานได้ดีที่ระดับอุณหภูมิ 37 องศา แต่อุณหภูมิน้ำอัดลม
แช่เย็นจะต่ำกว่านี้มากบางครั้งอาจต่ำจนเกือบถึง 0 องศา ซึ่งความเย็นขนาดนี้ทำให้
เอนไซม์เจือจาง และระบบย่อยอาหารผิดปกติ อาหารที่เรากินเข้าไปจะไม่ย่อย
ซ้ำยังหมักหมม จนเกิดแก๊สและของเสียที่จะกลายเป็นพิษ   สารพิษนี้จะถูกดูดซึมไป
ทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดโรคต่างๆ นานาตามมา แล้วเกิดอะไรขึ้นอีกเมื่อเราดื่มน้ำ “อัดลม” ลมนั้นก็คือคาร์บอนไดออกไซด์นั่นเอง

  น้ำอัดลมไม่ได้ให้สารอาหารใดๆ ที่มีคุณค่าต่อร่างกายเลย  ซ้ำยังมีน้ำตาล
กรดคาร์บอนิก  และ สารเคมีอื่น เช่น สีผสมอาหาร เป็นต้น  บางคนชอบดื่ม
น้ำอัดลมหลังอาหาร โดยที่ไม่รู้ว่าผลกระทบของมันเป็นอย่างไรบ้าง

 ตามปกติแล้ว ไม่มีใครแนะนำให้คุณดื่มคาร์บอนไดออกไซด์หรอก เมื่อ 2 เดือน
ที่แล้ว ที่มหาวิทยาลัยเดลลี มีการแข่งขัน “ใครจะดื่มน้ำอัดลมได้มากที่สุด” ผู้ชนะดื่มน้ำ
ไป 8 ขวดรวด แล้วล้มฟุบบนเวทีแข่งขันนั้นเอง เนื่องจากว่ามีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์
ในเลือดสูงมากเกินไป อธิการบดีจึงสั่งห้ามขายน้ำอัดลมทุกยี่ห้อในโรงอาหารของ
มหาวิทยาลัย    นี่อาจเป็นตัวอย่างของคน   ที่ดื่มมากจนถึงขีดสุด แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ก็คงเป็นอุทธาหรณ์ สำหรับคนที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้ำอัดลมจะเป็นอันตรายมากเพียงนี้   มีคนเคยทดลองใส่ฟันลงไปในขวดน้ำอัดลม  เชื่อหรือไม่ว่า ภายในเวลาเพียง 10 วัน
ฟันนั้น ถูกกัดกร่อนจนละลายไปทั้งๆ ที่ฟันและกระดูกเป็นส่วนที่แข็งแรง ที่สุดใน
ร่างกายมนุษย์  ถึงแม้ร่างกาย จะเน่าเปื่อยผุพังไป ฟันและกระดูกก็ยังคงสภาพอยู่เป็นปีๆ
แล้วคิดสิว่า ลำไส้และกระเพาะที่อ่อนนุ่มของเราจะถูกกัดกร่อนมากเพียงใดงานวิจัย
ทั่วโลกบอกว่า น้ำอัดลมเป็นสาเหตุทำให้เด็กติดหวาน และกลายเป็นสาเหตุที่ทำ
ให้เป็นโรคอ้วน พิจารณาเองนะครับ
ว่าจะยังคงที่จะเลือก ดื่มน้ำอัดลมอีกต่อไปหรือเปล่าครับ